ลุง ฉลอง ภักดีวิจิตร ปีนี้อายุ 76 ปีแล้ว ยังแข็งแรงอยู่
แกเคยให้สัมภาษณ์ว่า...(สัมภาษณ์โดย คุณ ชัยโรจน์ วันที่: 04/05/49 www.thaifilm.com)
"ผมเริ่มเข้าจับงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ แสนแสบ ในฐานะช่างกล้อง (ถ่ายภาพ) เป็นภาพยนตร์ขาวดำ รู้สึกจะปี 2493 เห็นจะได้นะครับ ผมเริ่มสนใจอย่างจังในเรื่อง แสนแสบ เป็นการจับกล้องอย่างแท้ริง ผมช่วยพ่อแม่ไปด้วย ผมต้องยอมรับว่าแรก ๆ ก็ไม่ได้มีความสนใจหรอกนะครับ แต่มันไปของมันเอง
ตอนนั้นผมยังเรียน ม. 8 อยู่อำนวยศิลป์ พอหนังออกฉายมันเฟื่องครับ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ดึงผมให้เข้ามาสู่วงการเป็นผู้กำกับนะครับ พอหนังได้รับความสำเร็จ เราก็ภูมิใจ ความภูมิใจนี่เป็นพลังที่ดีอย่างหนึ่ง ผลักดันให้มนุษย์เราประสบผมสำเร็จในชีวิตมามากแล้วนะครับ
ผมยังทำงานในฐานะช่างกล้องต่อไป พยายามรวบรวมเงินสร้างภาพยนตร์ เริ่มด้วยเรื่อง ฝนใต้ สร้างในระบบ 16 มิลลิเมตร
ผมเองไม่เคยไปศึกษาวิชาการสร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวู๊ดหรือจากประเทศไหน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและสร้างวันนี้ให้กับผม เกิดจากการศึกษาด้วยตัวเองจากตำราของต่างประเทศ ทั้งจากการเข้าไปคลุกคลีและจากการแนะนำของผู้ประสบการณ์อยู่ก่อนอย่างอบรมครู ศรีบูรพา ไงครับ
ก่อนผมจะสร้างเรื่อง ฝนเหนือ ในระบบ 35 มิลลิเมตร ผมรับจ้างเป็นช่างกล้องให้กับภาพยนตร์รื่อง ประกาศิตจางซูเหลียง ของคุณสุพรรณ ราหมณ์พันธุ์ มาก่อนซึ่งเป็นระบ 35 เช่นกัน ทำให้ผมพอได้ศึกษาถึงความแตกต่างระหว่างของทั้งสองระบบ มันแตกต่างกันมาก เพราะระบบ 16 มิลลิเมตรพอถ่ายเสร็จล้างเสร็จก็ออกฉายได้เลย ไปพากย์ให้เสียงกันทีหลังได้แต่ระบบ 35 มิลลิเมตรพอถ่ายเสร็จต้องเอาทำซาวด์เอ็กเพ็ค ทำเสียงดนตรี เสียงคนใส่เข้าไปด้วย ปัญหายุ่งยากกว่ากันมาก
แต่การที่ผมผมตัดสินใจมาจับหนัง 35 มิลลิเมตร เพราะผมอยากเห็นความเจริญของภาพยนตร์ไทย หนังของต่างประเทศเขาล้วนแต่เป็นหนัง 35 ทั้งนั้นและเป็นมานานแล้ว ถ้าหากเราจะสู้กับเขาคือส่งหนังออกไปฉายตลาดโลก สิ่งแรกก็คือเราต้องทำหนัง 35 มิลลิเมตรนี่ล่ะครับ
อย่างเรื่อง สองสิงหืสองแผ่นดิน ที่ร่วมทำกับทางฮ่องกงผมก็ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งที่จริงทางฮ่องกงมาติดต่อร่วมสร้างกับผม แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรถือว่าเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง
ทอง นั่นเป็นประการณ์ครั้งแรกที่แท้จริงของผม ที่สร้างภาพยนตร์ออกสู่ตลาดโลก ยอมรับว่ายังมีข้อผิดพลาดมาก หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีในการก้าวต่อไป ปัญหาแรกที่พบก็คือ ดารานักแสดงเราเองจำเป็นที่ต้องมีดาราสากลร่วมด้วย เพราะดาราไทยตลาดโลกขายไม่ออกไม่มีใครรู้จัก และถึงจะได้ดาราสากลมาร่วมก็ต้องสร้างให้ภาพยนตร์อยู่ในแนวที่ตลาดสนใจประเภทเกี่ยวกับชายแดน เกี่ยวกับฝิ่น ซึ่งต้องดีด้วย ไม่ใช่ทำแบบถังขยะเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน
อย่างประเทศจีนทั้ง ๆ ที่เป็นคนในเอเซีย แต่เขากลับสร้างภาพยนตร์ฉายทั่วโลกได้สบาย เพราะประชากรชาวจีนเขามีอยู่ทั่วโลกเขารู้กัน และจำนวนไม่น้อยเสียด้วย ปัญหาติดต่อดาราสากลก็มีขั้นตอนมากต้องผ่านเอเย็นซี่(ตัวแทนบริษัท) เสร็จต้องผ่านผู้จัดการส่วนตัวของดารา แล้วพอถึงดาราบทที่เราเสนอไปก็ต้องถูกใจเขาอีก
อย่าง โรเบิร์ต จินตี้ ในทองภาคสอง บี้จนเขาพอใจบท พอเขาพอใจบทยังมีเงื่อนไขอีกคือเขาต้องเป็นตัวยืนเสมอไม่ว่าจะเป็นใบปิดหรือคัตเอ๊าท์ แถมยังต้องเฉลี่ยผลกำไรให้ถึง 50 เปอร์เซนต์ทุกครั้งที่ฉาย เราก้ต้องผอมเพราะตอนนี้เขาเหนือกว่า นี่ยังดี ในทองภาคแรกซิแย่กว่านี้เยอะ เพราะไม่ได้วิ่งจำหน่ายเองขายให้ตัวแทนไปเลยถูกกดราคาเสียแทบแย่