คุยเฟื่อง....เรื่องหนัง

พูดคุยเรื่องทั่วไป ตามสไตล์ชาวโค้ก

โพสต์โดย o_cokeyuth » จันทร์ มี.ค. 24, 2008 7:29 pm

อยากจะช่วยนะ...
แต่เคเบิ้ลภูธร มันฉายแต่หนังผี และ มวยปล้ำ
:-o :-o

คุณเปา ช่วยน้องเขาหน่อยดิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_cokeyuth
 
โพสต์: 7846
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 10:02 am
ที่อยู่: สระบุรี

โพสต์โดย o_PAO » อาทิตย์ มี.ค. 30, 2008 11:50 pm

วันนี้ไปดู Always 2 มาละ ตัวละครจากภาคแรกอยู่ครบ ถึงแม้อารมณ์จะสู้ภาคแรกไม่ได้
แต่ก็ดูเพลิน มีอมยิ้มเป็นระยะๆ แต่มีปัญหานิดหน่อยทำให้เกือบดูหนังไม่รู้เรื่อง (ลืมดูซับ) เพราะมัวแต่ไปดูของประกอบฉากทั้งหลาย
เช่นป้ายอีนาเมล เพียบ ป้ายคัทเอาท์ เช่นแฟซ่าหน้าผู้หญิงสระผม ที่อยู่ในกล่องแฟซ่า แผงของเล่นหน้าร้านนักเขียนก็มีของเล่นสังกะสี
พวกกล่อง กระป๋องอีกเยอะแยะ
:smile:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_PAO
 
โพสต์: 20125
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 6:13 pm
ที่อยู่: 11 หมู่ 2 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม 10520

โพสต์โดย o_lekpn » จันทร์ มี.ค. 31, 2008 8:41 am

พูดถึงเรื่องพร็อบประกอบฉากแล้ว ละครช่อง 3 เรื่องชมพู่แก้มแหม่ม ของสะสมแนวเรโทรเพียบเลย เช่นแก้วตูดจีบ กระติกลายสก็อต เตารีดหัวไก่ ฯลฯ :)
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_lekpn
 
โพสต์: 12266
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 8:39 pm
ที่อยู่: 98 ถ.นนทรี ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ

โพสต์โดย o_ต่อ tapae inn » พุธ เม.ย. 02, 2008 3:53 pm

ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น , อีกหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นดีๆ ที่ว่าด้วย 'ความรักของวัยรุ่น'

... จากจุดเริ่มต้น 'แฟนฉัน' สร้างกลุ่มผู้กำกับที่น่าจับตามองให้กับแวดวงหนังไทย จากนั้น แต่ละคนก็หันไปสร้างผลงานฉายเดี่ยวของตัวเอง บ้างก็รุ่ง เช่น เพื่อนสนิท บ้างก็ร่วง เช่น หมากเตะ ฯลฯ

ในบรรดาหนังฉายเดี่ยว เรื่องที่ผมรักมากที่สุดคือ ซีซั่นเช้นจ์ และ เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นก้าวย่างที่ไปได้ไกลกว่าจุดสตาร์ทมากที่สุดคือ เด็กหอ ของ ผู้กำกับทรงยศที่เป็นเจ้าของ ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น

... จุดเด่นของปิดเทอมใหญ่ฯ ที่น่าสนใจคือการที่หนังไม่จำเพาะเจาะจงเหมารวมวัยรุ่นแบบเดียว แต่แตกแขนงช่วงวัยเล่าไปตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น (Preteen หรือ early adolescent) กินยาวไปจนถึงช่วงวัยรุ่นตอนปลาย (late adolescent) ด้วยวิธีการเล่าสลับไปมาเหมือนสไตล์หนังหลากชีวิตเช่นใน Love actually ที่นำเสนอความรักหลากหลายรูปแบบที่ช่วงวัยนี้ต้องเผชิญ



วัยที่เพิ่งสลัดความเป็นเด็กและกำลังจะก้าวเข้าเป็นหนุ่มสาว

...ในช่วงม.3 ของ ไม้ พุ และ นานา ที่เป็นตัวแทนของเด็กผู้ชายที่กำลังจะใช้คำว่า 'นาย' นำหน้าชื่อ เราจึงเห็นภาพของเด็กที่เริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่ บ้างก็ทำตัวโตเกินวัยแต่แท้จริงข้างในยังเหมือนเด็ก (pseudomaturity) บ้างก็ละล้าละลังยังเลือกไม่ได้ว่าการทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต้องทำเช่นไร

ช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เริ่มต้องการ การยอมรับจากคนอื่น รูปแบบที่เห็นจึงเป็นเช่น ไม้กับพุ ที่แข่งกัน จีบสาว แข่งขันเอาชนะใจอีกฝ่าย หรือ นา เด็กหญิงที่เริ่มต้นเข้าวัยสาว ก็ย่อมยินดีกับการเป็นที่สนใจ เพราะมันก็เหมือนกับได้รับการยอมรับว่าตัวเองนั้นสวยพอหรือดีพอ




วัยรุ่นตอนต้นถึงตอนกลางอย่าง โอ๋เล็ก

ที่เป็นตัวแทนวัยรุ่นจำนวนมากที่มักจะมี idol ของตัวเอง บ้างก็เป็นนักร้อง บ้างก็เป็นดารา หรือ บ้างก็เป็นนักกีฬา และ idol เหล่านั้น บ่อยครั้งที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญหนึ่งต่อช่วงชีวิตวัยรุ่น เช่น บางคนเรียนดนตรีเพราะอยากเป็นอย่างนักร้องในฝัน หรือ โอ๋เล็กที่เลือกเรียนภาษาจีนด้วยหวังที่จะฟังเพลงของตีตี๋ นักร้องในดวงใจให้อินยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากพัฒนาไปได้ถูกทางการมี idol ก็เป็นปัจจัยหนึ่งของการสร้างความฝันและช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น แต่หากหลงหมกมุ่นมากเกิน วัยรุ่นก็จะจมอยู่กับภาพลักษณ์แต่ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้เติบโต

ความรักเช่นนี้มักมีปัญหาตามมา เพราะเมื่อพ่อแม่เริ่มกังวลว่า idol จะสำคัญกว่า พ่อแม่พี่น้อง ทำให้พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจเด็กๆรีบกีดกันปิดกั้น โดยไม่ทันเข้าใจว่า ทั้ง idol และ peer group(กลุ่มเพื่อน) เป็นกลุ่มบุคคลสำคัญในช่วงวัยนี้และมักจะมีอิทธิพลกับเด็กทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ท้ายที่สุดครอบครัวก็ยังสำคัญที่สุดอยู่ดี




วัยรุ่นที่ความเป็นผู้ใหญ่ฉายชัดมากขึ้น ของ โจ้

นักศึกษาน้องใหม่ที่กำลังเผชิญภาวะ แอบรักเพื่อนสนิท กับ ซี เพื่อนร่วมคณะ โจ้หวังพิชิตใจซี ด้วยวิธีการจากหนังรักในดวงใจ Love actually วิธีการของโจ้ราบรื่น แต่เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าความสัมพันธ์เกินขอบเขตความเป็นเพื่อน ทุกความปรารถนาดีของโจ้ก็ต้องถูกเบรก เพราะอีกฝ่ายมองเขาเป็นแค่ เพื่อนคนหนึ่ง ไม่มากไปกว่านั้น

การเริ่มสนใจเพศตรงข้ามหรืออยากมีแฟน ในช่วงวัยนี้ เป็น พัฒนาการปกติธรรมดาที่ความรักจาก puppy love ตอนเด็กๆ จะเริ่มหันเหมาสู่ความรักที่เริ่มอยากจะมีพันธะผูกพันมากขึ้น มีความคาดหวังกับอีกฝั่งมากขึ้น ดังนั้น ภาวะอกหักรักคุดแล้วทำใจไม่ได้ทำร้ายตัวเองหรือตามรังควานอีกฝ่าย จึงเริ่มเกิดในช่วงวัยนี้




วัยรุ่นที่กำลังจะก้าวพ้นวัยเด็กและไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ของ เหิร

...ผู้ต้องเผชิญกับบททดสอบหัวใจว่าจะหนักแน่นมั่นคงได้เพียงใด ระหว่าง ความรักที่ผูกพันกันมาสามปีกับหญิงสาวผู้แสนดีที่นัดหมายจะเจอกันในวันครบรอบเดท กับ หญิงสาวในสเป็คที่พบเจอระหว่างเดินทางไปหาแฟน

ซึ่งความหนักแน่นมั่นคง ก็เป็นบทพิสูจน์สำคัญของพัฒนาการทางสังคมที่ช่วงวัยนี้เริ่มต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ การที่จะต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงความรู้สึกกับชีวิตของคนรัก ของลูกๆ ของลูกน้อง


... สี่ช่วงวัยที่เห็นในหนัง คือ ข้อดีของวัยรุ่น ที่วัยอื่นต้องอิจฉา นั่นคือ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้ และ แน่นอนว่าทุกๆก้าวย่างของการเรียนรู้ย่อมต้องพบเจอกับอุปสรรค ต้องเคยผิดพลาด ต้องเคยผิดหวัง ต้องเคยหลงทาง แต่ วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่มีเวลามากกว่าวัยอื่นๆที่จะพลิก ความผิดพลาด เหล่านั้น เป็น บทเรียนให้ใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปให้ดีกว่าเดิม

เช่น

...บทเรียนของการขี้โกงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หรือ ภาวะเลือกแบบไม่ฟันธงจนสุดท้ายต้องเล่นน้ำเพียงลำพัง ใน Part ไม้ พุ นา ทำให้พวกเขาเรียนรู้กติกาการใช้ชีวิต และ ความรักของคนเป็นผู้ใหญ่ได้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องอื่นๆด้วยเช่นกัน

...บทเรียนที่ไม่เหมือนสมัยเด็กๆที่แค่ขยันก็จะสอบได้คะแนนดี แต่สอนให้รู้ว่าเมื่อเราโตมากขึ้น การจะสมหวังหรือผิดหวัง มีปัจจัยอื่นคอยควบคุมมากกว่า 'ความพยายาม' และ เราจะสามารถรับมือกับความผิดหวังได้ดีเพียงใด หากความฝันที่ทุ่มไว้ต้องสิ้นสุดลง ใน Part โอ๋เล็ก

... บทเรียนของความรักที่คนอื่นนอกเหนือจากพ่อแม่มีให้นอกจากเรา ในวัยเด็กจะอย่างไรพ่อแม่ก็รักเรา แต่เมื่อโตขึ้นหากเรารักใครถึงจะทุ่มใจให้เต็มที่ก็ใช่ว่า จะได้รับรักนั้นตอนแทน แต่ บางคนเมื่อเจอความผิดหวังจากความรัก ก็เลือกทำร้ายตัวเองกับคนรอบข้าง บางคนเลือกที่จะพยายามต่อไปไม่สิ้นสุด และ บางคนก็เลือกที่จะเรียนรู้ที่จะรักในอีกรูปแบบ เช่น เป็นเพื่อนที่ดี และ เก็บความรักที่ยังมีไว้กับใจ ใน Part ของโจ้

... บทเรียนของการปล่อยให้ความหลงความใคร่ชั่ววูบ มาทำลายความสัมพันธ์ดีๆ เพราะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ สิ่งยั่วเย้าก็จะทวีมากขึ้น ดังนั้น เมื่อไรที่ขาดความหนักแน่นมั่นคง ย่อมตามมาด้วยการชักจูงกิเลสอื่นๆตามมา และ ยิ่งอ่อนแอก็จะยิ่งหยุดยั้งมากขึ้น(เหมือนในหนังที่ เริ่มต้นแค่พูดคุย ตามต่อด้วย ลงจากรถไฟ ตามต่อด้วย การโกหกอีกฝ่าย แน่นอนย่อมคาดเดาได้ว่า สุดท้ายจะไปลงเอยที่ใด) และ เมื่อเราได้ทำผิด ทำร้ายจิตใจคนที่เรารักขึ้นมา การจัดการกับ ความผิดนั้นก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ใน Part ของเหิร


ซึ่งสุดท้ายความผิดพลาด ความผิดหวัง ของแต่ละ Part แต่ละคนได้รับไปนั้น ก็กลายเป็น บทเรียนที่พวกเขาจะได้เข้าใจชีวิตมากขึ้น และ พร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น มิใช่ โตแต่ตัวตามอายุเพียงอย่างเดียว


....การโยงเรื่องราวหลากชีวิตในหนังตระกูลนี้ที่มักจะประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับฝีมือผู้กำกับที่จะร้อยเรียงเรื่องราวหลากชีวิตนั้นให้จับกลุ่มเกิดความสมดุล มีความต่อเนื่องทั้งเนื้อหาและอารมณ์ รวมทั้งไม่ทำให้เรื่องใดต้องเด่นหรือห่วยชนิดแปลกแยก

สำหรับ ปิดเทอมใหญ่ฯ ในส่วนการร้อยเรียงเนื้อหานั้นไม่สะดุด แต่ อารมณ์ของหนังกลับพาไปได้ไม่สุดและขาดความต่อเนื่อง อีกทั้งการเขย่ารวมแต่ละตอนให้เป็นเนื้อเดียวกันยังไม่ลงตัว สังเกตได้ชัดถึงการเล่าเรื่องแบบเพลินมือ เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง ที่ บางตอนใช้เวลามากไป และ บางตอนก็ทิ้งช่วงห่างเกินไปจนเกือบลืม




Part ไม้-พุ-นา

เป็นช่วงที่เนื้อเรื่องไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ เป็นตอนที่มีปัญหาทั้งตัวบท ตัวนักแสดง และ การกำกับ บางช่วงดูแล้วก็รู้สึกขัดใจกับการกระทำ มีแค่ตัวละครยิงมุกวนไปวนมา บางไดอะล็อคกับบางบุคลิกนิสัยของตัวละครก็ดูแก่นแก่แดดเกินไป จนทำให้ตลกแต่ไม่น่ารัก และ ทำให้บางช่วงออกจะประดักประเดิดเสียด้วยซ้ำ

อีกทั้งตัวนักแสดงบางคนบางฉากก็เล่นแข็งไป ทำให้ส่วนนี้กลายเป็นส่วนที่โดด ไม่กลืนไปกับส่วนอื่นมากที่สุด จุดเสียหายคือส่วนที่มีปัญหาส่วนนี้ กลับเป็นส่วนที่กินเวลานานมากกว่าใครเพื่อนอีกต่างหาก




Part โอ๋เล็ก

จริงๆเป็นส่วนที่เนื้อเรื่องจริงๆน้อยเหลือเกิน เป็นส่วนที่เบาโหวงเอามากๆ ชนิดที่ขาดรายละเอียดอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ประเด็นความรักตอนนี้เป็นประเด็นที่ผมชอบ เพราะไม่ค่อยจะมีหนังเรื่องไหนหยิบยกมาเล่น ความรักของวัยรุ่นกับ idol ในดวงใจ ซึ่งก็เป็นหนึ่งความรักความคลั่งไคล้สำคัญของช่วงวัยนี้

แต่หนังกลับเน้นหนักไปแค่ ความคลั่งไคล้อย่างเดียว จนละเลยองค์ประกอบอื่นๆรอบๆตัวละครอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะครอบครัวที่น่าจะขยายความได้มากกว่านี้ แต่กลับถูกทอดทิ้งแทบไม่กล่าวถึงเลย โชคดีที่ส่วนนี้ได้ฝีมือการแสดงของ โฟกัส มาช่วยชีวิต และ เธอดูจะเป็นหนึ่งเดียวจากก๊วนแฟนฉันที่มีพัฒนาการทางการแสดงชนิดน่าจับตามองมากที่สุด หลังจาก แจ๊ค แฟนฉันถูกระบบ GTH โยนบทซ้ำๆทำให้เขาไปได้แค่ขำๆขโมยซีน





Part ซีกับโจ้

เป็น ส่วนที่ค่อนข้างลงตัว ทั้งฝีไม้ลายมือนักแสดง ทั้งตัวบท แต่ ประเด็น เพื่อนสนิท ของหนังส่วนนี้ถือว่า ชิลชิล มากๆเราได้ดูได้เห็นผ่านหนังเรื่องอื่นๆ หรือ ผ่านมิวสิควิดิโอจนชินตา แถม สเต็ปของหนังไปแบบสูตรสำเร็จสุดๆ ถึงผมจะชอบการดัดแปลงในฉากหน้าบ้านที่ทำได้น่ารักดี แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นอีกตอนหนึ่งที่ play safe กับ เล่าตามสูตรตามตำราเอามากๆ จนเรียกว่าน่าประทับใจ แต่ไม่ชวนให้ตราตรึง




Part เหิร + แฟน + อ้อย

เป็นส่วนที่น่าจะดีที่สุดแต่กลับรู้สึกว่า หนังให้เวลาน้อยที่สุด แถมช่วงกลางเรื่องก็เหมือนส่วนนี้ถูกทิ้งช่วงนานเหลือเกิน

เนื้อหาของส่วนนี้เป็นส่วนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพบเจอในชีวิตจริงเท่าส่วนอื่นๆ (พบสาวญี่ปุ่นสุด x ชวนไปปาร์ตี้ต่อสองต่อสองก่อนจบด้วยอับราฮึ่มที่ริมหาด) แต่การเล่าเรื่องในส่วนนี้กลับทำได้น่าเชื่อถือ โชว์ความสามารถของผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้ดี และ เทคนิคตอนใช้เสียงเงียบ ทั้งที่ริมหาด และ ตรงสถานีรถไฟช่วงท้าย ก็บีบหัวใจได้ดีเหลือเกิน นักแสดงสาวที่รับบทแฟนของเหิร เล่นได้ดีทีเดียว


... ความขาดๆเกินๆเหล่านี้จึงทำให้หนังยังไม่กลมกล่อมเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้แปลว่า หนังจะตกเกณฑ์มาตรฐานของGTH หรือ มาตรฐานของก๊วนผกก.แฟนฉัน โดยรวมแล้วยังเป็นหนังไทยที่สอบผ่านดูได้สบายๆ

อารมณ์รวมๆของหนังยังดูสนุก เพลิดเพลิน แถมแฝงแง่คิดสะท้อนชีวิตรักช่วงวัยรุ่นได้ดี เทคนิคการเล่าเรื่องราวหลากชีวิต ความรักหลากรูปแบบ อาจจะยังไม่ลงตัวในด้านอารมณ์แต่ด้านการลำดับเรื่องราวก็ถือว่าลงตัวใช้ได้ เสียดายที่แต่ละส่วนในสี่ส่วนนั้นดูแปลกแยกต่อกันเกินไปหน่อย จนเหมือนเป็นหนังสี่เรื่องที่เล่าตัดสลับไปมา มากกว่าหนังเรื่องเดียว ดังนั้น หากมีจุดเชื่อมโยงดีๆมีชั้นเชิงน่าจะช่วยหนังมากขึ้น

คำถามเดียวที่เกิดขึ้นหลังดูหนังเรื่องนี้จบลง คือ สงสัยเหลือเกินว่า ก๊วนผกก.แฟนฉันที่แตกแฟรนไชส์มาทำหนังของตัวเองแต่ละคนนั้น จะทำหนังกันอยู่แค่นี้จริงๆหรือ Feel good แบบเดิมๆ มุกสไตล์เดิมๆ กลุ่มนักแสดงกลุ่มเดิมๆ(ความซ้ำๆของโอปอล์ หรือ แจ๊ค แฟนฉัน ที่เริ่มกลายเป็นความเลี่ยน) การถ่ายภาพแบบเดิมๆ อารมณ์หนังแบบเดิมๆ กระทั่งโปสเตอร์ก็ยังคล้ายๆเดิม

เพราะถ้าใช่ ก็คงยังสนับสนุนต่อไป เนื่องจากผลงานก็ออกมาดี ความเดิมๆนั้นจึงไม่เป็นปัญหา เพียงแต่นึกเสียดายที่คนมีฝีมือได้แต่พายเรือในอ่างวนไปวนมา จนแฟนๆเช่นผมคนหนึ่งอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะกล้าเลิกทำหนังแบบ play safe แล้วทดลองอะไรใหม่ๆสร้างความหลากหลายเหมือนกลุ่มผกก.รุ่นใหม่เช่น ไชยา ของ ก้องเกียรติ หรือ รักแห่งสยาม ของมะเดี่ยว บ้าง ซึ่งด้วยฝีมือของผกก.ก๊วนนี้แล้วมั่นใจเหลือเกินว่า ผลงานที่ออกมาจะน่าจับตาเป็นอยางยิ่ง


สรุป ... ไม่น่าเสียดายตังค์แต่ก็ไม่ใช่งานระดับท๊อปของก๊วนแฟนฉัน เป็นหนังวัยรุ่นไทยๆที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง มีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ดูได้เพลินๆมีข้อคิด แต่ไม่ได้ลึกซึ้งและอารมณ์หนังยังทำได้ไม่ถึงแบบสุดๆ
ชื่อบัญชี มงคลรัฐ โอจรัสพร
ธนาคาร ทหารไทย สาขา ตลาดวโรรส เชียงใหม่ 485 2 08023 5
email msn = mongkonrut@gmail.com
TEL = 0815301651
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_ต่อ tapae inn
 
โพสต์: 9701
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.พ. 21, 2007 5:10 pm
ที่อยู่: โรงแรม ท่าแพอินน์ 164-166 ถ.ท่าแพ อ.เมือง เชียงใหม่ 50300

โพสต์โดย o__Santana » พฤหัสฯ. เม.ย. 03, 2008 12:56 am

cokeyuth เขียน:
Santana เขียน:ใครเคยดู the killing fields มั่งครับ
หนังเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์เขมรกันเอง
มี 3-4 ฉากถ่ายในโกดังโค้ก มีทั้งป้าย ขวด ลังไม้ เก่าๆทั้งนั้น
โดยเฉพาะอย่างหลังฝ่ายเขมรแดงใช้เป็นที่หลบกระสุน,ระเบิด
พังระเนระนาดทั้งโกดัง..เสียดายโคด



โธ่........เสียดายๆๆๆ
ว่าแต่ว่า พระเอก ดิธ ปราณ ไปแอบอยู่ตรงซอกไหนครับ

:-? :-?

นสพ.ลงข่าวมะเร็งได้คร่าชีวิต ดิธ ปราณ ไปแล้วเมื่อเช้าวานนี้
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซี่ ด้วยวัย 65 ปี
"ไม่มีแผ่นดินไหนไม่ต้อนรับเขานอกจากแผ่นดินถิ่นกำเนิด"
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o_PAO » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 4:48 pm

Sora Aoi ดังใหญ่แล้ว ไทยรัฐลงพาดหัวใหญ่เลย ปิดเทอมใหญ่ก็คงจะมีคนไปดูเพิ่มอีกเยอะ ไม่รู้เป็นแผนโปรโมทรึเปล่า :eek:

ส่วนหนังไทยเรื่องใหม่ Dream Team ของผู้กำกับ เรียว กิตติกร เปิดฉายไปแล้วมีแต่คนชมว่าดี โดยส่วนตัวติดตามงานผู้กำกับคนนี้มาตลอด เว้นแค่เรื่องที่แล้ว (เมล์นรก หมวยยกล้อ) ที่ดูไม่ทัน ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่พลาดแน่ๆ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_PAO
 
โพสต์: 20125
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 6:13 pm
ที่อยู่: 11 หมู่ 2 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม 10520

โพสต์โดย o_maxxi » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 5:47 pm

ดูดรีมทีมมา กับนาค
ดรีมทีมสนุกมาก ผู้ใหญ่ควรดู :smile: :smile:
นาคมีแต่โค้ก :-D :-D
PEPSI I CAN AWARD
http://www.pepsithai.com/af
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_maxxi
 
โพสต์: 1064
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 16, 2008 7:46 pm
ที่อยู่: UBONRATCHATHANI

โพสต์โดย o__Santana » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:04 pm

หลายฉากจาก the killing fields ดูอย่างเดียวละกันพูดไม่ออก
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
เขมรแดงไม่เคยปราณีทั้ง coke ทั้ง cow
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o__Santana » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:09 pm

การทำลายล้างก็เกิดขึ้น
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o__Santana » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:27 pm

เขมรแดงมันทำร้ายจิตใจคนสะสมน้ำดำแบบไม่น่าให้อภัย
รูปภาพ
รูปภาพ
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o_ThaiJack » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:31 pm

ลังและขวด :(
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_ThaiJack
 
โพสต์: 7354
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 02, 2006 8:50 pm
ที่อยู่: ซ.รามคำแหง50 ถ.รามคำแหง หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพ

โพสต์โดย o__Santana » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:41 pm

ดิธ ปราณ (ตัวเอกในเรื่อง)เข้าไปขอชีวิตให้กับตัวประกันชาวออสซี่
ในขณะที่ทหารเขมรแดงนั่งล้อมวงดื่มโค้กด้วยท่าทียียวนกวนteen

รูปภาพ
รูปภาพ
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o__Santana » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 8:46 pm

ผู้รับบท ดิธปราณ และรูปล่างขวาคือตัวจริง
รู้สึกจะได้รางวัลผู้แสดงนำออสก้าด้วยนะ

รูปภาพ
หนทางไปสู่ความลำบากแสนสบาย
หนทางไปสู่ความสบายแสนลำบาก(นิรนาม)
ภาพประจำตัวสมาชิก
o__Santana
 
โพสต์: 2758
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 12:43 pm
ที่อยู่: บางใหญ่ นนทบุรี

โพสต์โดย o_PAO » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 10:16 pm

ดูท่าทางจะเป็นลังจีงนะ ถ้าทำใหม่ก็เนียนมากๆ

:eek: ไม่แน่ ไอ้ขวด ลังที่เราๆเก็บกันอยู่อาจจะเคยเข้าฉากเรื่องนี้มาแล้วก็ได้
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_PAO
 
โพสต์: 20125
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 6:13 pm
ที่อยู่: 11 หมู่ 2 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม 10520

โพสต์โดย o_cokeyuth » ศุกร์ เม.ย. 04, 2008 11:15 pm

Santana เขียน:ผู้รับบท ดิธปราณ และรูปล่างขวาคือตัวจริง
รู้สึกจะได้รางวัลผู้แสดงนำออสก้าด้วยนะ

รูปภาพ


ด็อกเตอร์ เฮง งอร์ เสียชีวิตหลังจากได้รับออสการ์ได้ไม่นานนัก
เนื่องจากโดนโจรปล้นชิงทรัพย์ หรือ อาจจะโดนลอบฆาตกรรม
ในประเทศอเมริกา ดินแดนแห่งความศิวิไลซ์
ส่วนดิธ ปราณ ตัวจริง ก็เพิ่งเสียชีวิต....
ขอไว้อาลัยให้กับ ลังโค้ก ไว้ ณ โอกาสนี้

:-o :-o
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_cokeyuth
 
โพสต์: 7846
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 10:02 am
ที่อยู่: สระบุรี

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง GENERAL BOARD

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน