
BiBon เขียน:แนวทางการลงทุนของผม ก็คือรอให้ฝันคืนวันที่15เช้า16ซื้อเลยเดีประมาณ4โมงเย็นก็รู้ผลหุ้นใช่ป่าวหว่า
![]()
![]()
![]()
("\(*-*)/") เขียน:หุ้นเมืองไทยมันไม่ได้เป็นไปตามกลไกธรรมชาติน่ะครับ (พูดแบบนี้ เสี่ยงโดนด่าเหมือนกันแฮะ...ก็เพราะคนไทยรับเรื่องจริงยาก ชอบรับรู้อะไรที่มันหวานๆ ส่วนของจริงจะตรงข้ามอย่างไร ช่างมัน....แบบว่า...เข้าใจแต่เปลือกแต่ไร้ซึ่งแก่น)
ปัจจุบัน ผมบอกลาตลาดหุ้นไปนานแล้วครับ
จริงๆ แล้วตลาดไทยมันเล็กเมื่อเทียบกับอิทธิพลหรือกำลังซื้อขายแอบแฝงจากกลุ่มทุนเงินหนาเมืองนอก
ทำให้ปัจจัยเสี่ยงมันมากกว่าที่ควรเป็น (มันเป็นปัจจัยเสียงแบบไร้เหตุผลในการวิเคราะห์) พูดบ้านๆ ก็คือบางครั้งขึ้นลงแบบฝืนทิศทาง....
ถ้าตลาดใหญ่กว่านี้และตลาดเป็นตามกลไกธรรมชาติ ผมจะรีเทริ์นครับ แต่คงยาก นับวันแต่จะเตี้ยลง เพราะฐานการผลิตหลายส่วนอุตสาหกรรมมีแนวโน้มว่าจะย้าย....เพราะเราไม่มีพลังงานเป็นของตนเองอย่างเหลือเฟือสำหรับการผลิต ทำให้ต้นทุนการผลิตนับวันจะสูงขึ้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิต ในอนาคตกำไรต่อหน่วยก็จะลดลง มันก็กระทบถึงราคาหุ้นในกลุ่มนี้โดยตรง (คนละเรื่องกับหุ้นกลุ่มพลังงานนะครับ)
สำหรับผม ผมมองว่าสินค้ากลุ่มบริการเท่านั้นที่ทำให้ไทยอยู่ได้ในอีก 50 ปีข้างหน้า คิดง่ายๆ หลังจากเปิดเสรีทางการค้าแล้วเราจะผลิตอะไรในแง่ Goods ที่ไม่ใช่ Service แข่งกับจีนได้ ทุกวันนี้ของจีนถูกกว่าของไทย ผู้ผลิตไทยขายสินค้าไม่ได้มันก็กระทบโดยตรงกับตัว K หรือตัวทวีที่เป็นตัวบอกเรื่องการหมุนเวียนของเงิน (เรากินกระเทียมไทย คนขายกระเทียมก็ได้เงินไปซื้อปลาทู คนขายปลาทูก็ได้เงินไปให้คนจับปลา คนจับปลาได้เงินไปซื้อข้าวกิน ชาวนาไทยขายข้าวได้ ก็เอาเงินไปซื้อปลาทูและซื้อน้ำพริก....แต่ถ้าเราซื้อกระเทียมจีน ค่า K ก็จะหยุดเพราะเงินค่ากระเทียมจะหลุดไปจีนเลย) นี่เป็นตัวอย่างสั้นๆ ว่าทำไมเราจนลง เมื่อคนไทยจนลงก็จะออมและหยุดซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีบริษัทหลายแห่งอยู่ในตลาดหุ้นซะด้วย
เอาเป็นว่าถ้าว่างก็จะมาเขียนแชร์ความรู้ความเข้าใจแบบงูๆ ปลาๆ กันนะครับ
กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน