PAO เขียน:
ครามตรากวาง
คราม ก็อย่างที่คุณเปาอธิบายไว้แล้ว
จะขอแทรกเพิ่มเติมอีกเล็กๆ น้อยๆ คือ
สีฟ้าอ่อนๆ (อ่อนมากๆ) มักทำให้สายตาคนเราเห็นว่าขาวนวลกว่าสีขาวหม่น
เสื้อผ้าสีขาวที่ใช้ไปนานๆ สีจะหม่น จึงนิยมเอาสีครามอ่อนๆ มาย้อมให้ดูนวลขึ้น
เมื่อซักผ้าด้วยน้ำเปล่าน้ำสุดท้ายเสร็จ จึงนิยมทำการ ลงแป้ง ลงคราม กัน
การลงแป้ง เพื่อให้ผ้าที่รีดเรียบแล้ว คงความเรียบได้นานทั้งวัน โดยเฉพาะจีบจะคงทน
ทำโดยการผสมแป้งมันสักช้อนน้อยๆลงในน้ำสะอาดที่ติดก้นกาละมัง กวนให้เข้ากันดี
จากนั้นเทน้ำเดือดจากในกาต้มน้ำลง จนสูงขนาดพอท่วมฝ่ามือ (แต่อย่าดันจุ่มมือลงไปล่ะ)
เอียงกาละมังไปมา หรือใช้ไม้กวนผ้าคน ให้น้ำแป้งสีขาวขุ่น (อ่อนๆ) กลายเป็นใสไม่มีสี (แป้งสุก)
นำเสื้อกางเกงที่ซักสะอาดและบิดแห้งแล้ว และต้องการลงแป้ง จุ่มลงไป คนๆ เล็กน้อย แล้วยกขึ้นบิดแห้ง
เป็นอันจบกรรมวิธีลงแป้ง
การลงคราม นิบมทำก่อนลงแป้ง และใช้กับเสื้อผ้าสีขาวเท่านั้น พวกผ้าสีไม่มีประโยชน์
กรรมวิธิเดียวกัน ต่างกันเพียงใช้ครามแทนแป้ง และไม่ต้องเติมน้ำร้อน ใช้น้ำเย็น
ครามสมัยก่อนบรรจุซองกระดาษขาย ขนาดซองราว 4x6 ซม. ใช้ครั้งละนิดเดียว
เหยาะลงไปพอน้ำมีสีฟ้าอ่อนๆ ก็พอ และนิยมแช่ผ้าทิ้งไว้ในน้ำครามสัก 1 นาที
ขนาดบรรจุใหญ่ขึ้นกว่าซอง จะบรรจุในขวดแก้วจุกยาง แบบที่ใส่ยาฉีดประเภทผงผสมน้ำกลั่น
ยาสมัยก่อนที่นิยมใช้กันมาก คือยาปฏิชีวนะตัวเก่งที่ชื่อ เพ็นนิซิลลิน และ โปรเคน เพ็นนิซิลลิน
ผมไม่แน่ใจว่าครามที่ใช้ย้อมผ้าขาว ในภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร อาจเรียกกลางๆ ว่า Whitening Powder มั้ง
แต่ สีคราม อันเป็นสีหนึ่งในเสป็คตรัมของสีรุ้ง 7 สี มีชื่อเรียกเฉพาะว่า Indigo ซึ่งต่างกับสีน้ำเงินและฟ้า
คงยังจำกันได้ เราเคยท่องสีของรุ้งกินน้ำสี 7 สีว่า ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง
ส่วนสีครามที่ย้อมผ้านี้ เห็นที่ซองเขียน Ultramarine Blue ก็คงใช้กันในในกิจการครามย้อมผ้า
อ้อ... ที่เห็นในภาพเหมือนเป็นกล่องหนา เข้าใจว่ารวมครามเป็นซองบางๆ ไว้ภายในซักโหลมั้งครับ
จบ
