โดย o_MaKKaPaN » อังคาร ต.ค. 30, 2007 9:36 am
จับตาแนวรบน้ำเมาไทยสู่ยุคร่วมทุน ชิงเตาปลุกสมรภูมิเบียร์ 9.2 หมื่นล.ระอุ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 ตุลาคม 2550 07:38 น.
สิงห์ฯ ชี้วงการน้ำเมา เบียร์ เหล้า แห่ร่วมทุนหวังเสริมจุดแข็งพอร์ตโฟลิโอ-ดิสทริบิวชัน ต่อกรค่ายคู่แข่ง จับตาชิงเตาเบียร์แดนมังกรร่วมทุนผุดโรงงานผลิตเบียร์ในไทย ปลุกสมรภูมิฟองเบียร์ 9.2 หมื่นล้านบาทแข่งระอุ ค่ายเบียร์อัดแคมเปญชิงส่วนแบ่ง ชิงเตาจ่อคิวบุกตลาดเบียร์ครบพอร์ตฯล่อใจนักดื่มไทย
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ ไทเบียร์ เปิดเผยว่า จากการที่เบียร์ชิงเตาประกาศร่วมทุนกับบริษัทในไทย เพื่อสร้างโรงงานผลิตเบียร์ในประเทศไทยนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะในยุคนนี้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องผนึกกำลังหรือร่วมทุนกันมากขึ้น เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน โดยจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่ จุดแข็งแรก คือ ตลาดเบียร์มีแนวโน้มว่าจะแข่งกันในเรื่องของพอร์ตโฟลิโอกันมากขึ้น แต่ละบริษัทจะต้องมีสินค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น อีโคโนมี สแตนดาร์ด พรีเมียม หรือกระทั่งไลท์เบียร์ ตลอดจนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่นๆ อาทิ เหล้าสี เหล้าขาว ฯลฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการทำตลาด
อย่างไรก็ตาม การมีสินค้าครบพอร์ตโฟลิโอเป็นเพียงสูตรสำเร็จหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญ คือ การบริหารงานที่ดีมากกว่า ส่วนจุดแข็งที่สอง คือ ด้านดิสทริบิวชันหรือการกระจายสินค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ โมเดิร์นเทรด ผับ บาร์ ร้านค้า รวมถึงผ่านเอเยนต์หรือตัวแทนจำหน่าย จึงเป็นเหตุทำให้เกิดการร่วมทุนของบริษัทผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น อาทิ เบียร์ชิงเตาร่วมทุนสร้างโรงงานเบียร์ในไทย หรือกระทั่งกลุ่มไชยวรรณเตรียมร่วมทุนกับกลุ่มภิรมย์ภักดี โดยค่ายเบียร์สิงห์อาจจะเข้าไปถือหุ้นในโรงงานผลิตของไชยวรรณ หรืออาจจะเป็นผู้กระจายสินค้าให้ และกลุ่มไชยวรรณผู้ผลิตเหล้าออกมาจำหน่ายผ่านเครือข่ายเอเยนต์เบียร์สิงห์ ซึ่งเป็นการอาศัยจุดแข็งของแต่ละฝ่ายในการร่วมมือกัน เป็นต้น
**ตลาดเบียร์9.2หมื่นล.แข่งเดือด**
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมูลค่า 9.2 หมื่นล้านบาท นับว่าเป็นตลาดใหญ่จึงเป็นหมายปองสำหรับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ อาทิ เบียร์จีนอย่างชิงเตา หรือกระทั่งเบียร์ฟิลิปปินส์อย่างซานมิเกล อย่างไรก็ตามการเข้ามาของเบียร์ชิงเตา คาดว่าจะทำให้ตลาดเบียร์มีความคึกคัก และมีแนวโน้มว่าตลาดจะเติบโตจากการแข่งขันเปิดตัวแคมเปญ การจัดกิจกรรมการตลาด ทั้งจากค่ายเบียร์เดิม เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด และจากค่ายเบียร์ใหม่เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่ง "การประกาศตัวของชิงเตาเบียร์จากแดนมังกร นับว่าเป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่ผมมองว่าธุรกิจเบียร์จะเติบโตหรือไม่เติบโต ขึ้นอยู่กับกฎกติกาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยว่า ภาครัฐจะออกมาในรูปแบบใด"
**ชิงเตายกทัพบุกไทยครบพอร์ต**
สำหรับเบียร์ชิงเตา ในพอร์ตโฟลิโอในประเทศจีน มีเบียร์ด้วยกันหลากหลายเซกเมนต์ ทั้งอีโคโนมี สแตนดาร์ด และไลท์เบียร์ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันเบียร์เหล่านี้ ยังไม่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยมีเบียร์พรีเมียมเท่านั้นที่ทำตลาดได้เกือบ 2 ปีแล้ว วางระดับราคาใกล้เคียงกับไฮเนเก้น อาซาฮี หรือคลอสเตอร์ โดยจำหน่ายผ่านในส่วนโรงแรม ภัตตาคาร ระดับพรีเมียม ส่วนตลาดต่างจังหวัดและสถานบันเทิง ผับ บาร์ ได้แต่งตั้งบริษัทล็อกเลย์ เป็นตัวแทนกระจายสินค้าให้ผ่านเอเยนต์รายใหญ่เป็นหลัก
ทั้งนี้หลังจากที่เบียร์ชิงเตาเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย การรับรู้ตราสินค้าของคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ยังมีไม่มากนัก ซึ่งคงต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างแบรนด์ระยะยาว โดยเน้น ณ จุดขาย ผ่านการทำตลาดในลักษณะการดื่มควบคู่กับอาหาร เป็นหลัก อย่างไรก็ตามการเข้ามาเปิดตัวเบียร์ชิงเตา มีข้อได้เปรียบด้านงบลงทุน จากการที่รัฐบาลจีนสนับสนุน อีกทั้งยังเป็นเบียร์นำเข้าที่มีดีกรีติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดอเมริกา และติดอันดับ 1 ใน 3 ของจีน ได้แก่ บัดไวเซอร์ ไฮเนเก้น ชิงเตา เป็นต้น
