โดย o_ต่อ tapae inn » ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 10:48 pm
โฆษณายากฤษณากลั่น ตรากิเลนของห้าง โอสถสภา เต๊กเฮงหยู วาดโดย เอกศิลป พิมพ์ที่ โรงพิมพ์หิน คณะช่าง พ.ศ 2485
คนโบราณรู้ดีว่ายากฤษณากลั่นเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องร่วงที่ได้ผลชะงัดนัก จึงใช้กันเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน เนิ่นนานเข้าศตวรรษทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นยาไทยแผนโบราณ อันที่จริงแล้วยากฤษณากลั่นเป็นยาตำรับโบราณขนานแท้จากประเทศจีน
นายแป๊ะ เป็นผู้ริเริ่มนำเข้ามาในประเทศไทย ผลิตขายเป็นล่ำเป็นสัน ใช้ชื่อว่ายากฤษณากลั่นตรากิเลน จากนั้นก็นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้ในกิจการเสือป่า ปรากฏว่ายาขนานนี้มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานเข็มเสือป่าเป็นรางวัล และทรงเขียนแนะนำให้ใช้ยากฤษณากลั่น ในพระราชนิพนธ์กันป่วย ยิ่งกว่านั้นในปี 2456 ยังได้พระราชทานนามสกุล โอสถานุเคราะห์ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกด้วย
ตรากิเลน เป็นเครื่องหมายการค้าที่นายแป๊ะเลือกใช้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าตัวกิเลนเป็นสัตว์ที่มาจากสวรรค์มักจะมาปรากฎตัวให้เห็นในปีที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อผนวกกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ และคัมภีร์ตำราพิชัยสงคราม ยิ่งทำให้เครื่องหมายการค้า ดูศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือ
เมื่อนายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์ ถึงแก่กรรม นายสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ บุตรชาย ได้สืบช่วงบริหารกิจการแทน โดยอาศัยพื้นความรู้ทันสมัยที่ได้รับการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบิดา ทำให้นายสวัสดิ์สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด ได้อย่างมั่นคงตลอดมา
โดยในระยะแรกมีผู้ร่วมงานเพียง 4-5 คน ผลิตและขายยากฤษณากลั่นเป็นหลัก ต่อมาได้ย้ายร้านขายยาจากสำเพ็ง มาตั้งที่ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกเอส.เอ.บี. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้สมกับกิจการที่ใหญ่โตขึ้นว่า โอสถสถานเต็กเฮงหยู ในปี พ.ศ. 2475 มีการเพิ่มตัวสินค้า อาทิ ยาธาตุ 4 ยาแก้ไอ ยาระบาย ยาอมโบตัน ยาทันใจ ยาหอมชนะลม ล้วนได้รับความนิยมเป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคยืนยาวตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
นายสวัสดิ์ได้เริ่มนำระบบบริหารการตลาดสมัยใหม่เข้ามาใช้ เนื่องจากการทำธุรกิจของคนไทย หรือคนจีนสมัยนั้น ไม่มีระบบอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นพวกฝรั่งที่ทำธุรกิจในแผ่นดินสยาม โดยใช้วิธีตั้งกลุ่มทำงานแยกเป็นฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ดำเนินยุทธวิธีการตลาดแบบใหม่ มีการนำหนังเร่ขายยามาใช้ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับร้านค้า และปลูกความนิยมในหมู่ผู้บริโภค นอกจากนั้นยังได้ริเริ่มใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนอย่างกว้างขวาง
กิจการของบริษัทฯ เริ่มมั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นตามลำดับ โดยมีคุณหญิงล้อม โอสถานุเคราะห์ ภรรยานายสวัสดิ์เป็นกำลังสำคัญในการวางโครงการเพื่อการขยายตัวทางธุรกิจไว้ล่วงหน้า เนื่องจากคุณหญิงล้อมนั้นมีความรู้ความสามารถทางการเงินเป็นอย่างดี เพราะเป็นหลานสาวที่คอยช่วยงานคุณย่าพุ่ม เธียรประสิทธิ์ เศรษฐีนีใหญ่ของวัดเกาะ ทำธุรกิจค้าขายที่ดินและปล่อยกู้
กิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนต้องเพิ่มกำลังการผลิต ดังนั้นในปี 2492 จึงย้ายแผนกผลิตไปอยู่ที่โรงงานในซอยหลังสวน โดยเริ่มนำเครื่องจักรกลการผลิตที่ทันสมัยมาใช้ และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด ด้วยความพากเพียรในการฟันฝ่าอุปสรรคทางธุรกิจ และความดีงามที่ได้สร้างสมในการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ นายสวัสดิ์และพนักงานโอสถสภาทุกคนจึงได้รับความรู้สึกปลาบปลื้มที่สุดในชีวิต เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานครุฑตราตั้งให้แก่บริษัทฯ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2502
พ.ศ.2517 จึงได้รวบรวมกิจการทั้งหมดของ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด มาอยู่ด้วยกัน โดยย้ายสำนักงานจากถนนเจริญกรุง และฝ่ายผลิตจากซอยหลังสวนมาลงหลักปักฐานที่มั่นคง ณ สำนักงานใหญ่ ถนนรามคำแหง พร้อมให้นโยบายที่ถือเป็นหลักปฏิบัติสืบต่อกันเรื่อยมาว่า
"เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าตนเอง คิดถึงน้ำใจของคนอื่นมากกว่าเงินตรา มีความซื่อสัตย์ในการประกอบอาชีพ รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของธุรกิจ" สวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์
จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ทายาทรุ่นที่ 2 คือบุตรของนายสวัสดิ์ ได้แก่ สุวิทย์ สุรัตน์ สุรินทร์ และเสรี หมุนเวียนกันมาเป็นกรรมการจัดการของบริษัทฯ คนละ 3 ปี โดยที่มีนายสวัสดิ์คอยดูแลฝึกฝนวิธีการบริหารและการตลาด ส่วนคุณล้อมบริหารด้านการเงินและซื้อขายที่ดิน ซึ่งทำให้ต่อมาบริษัทฯ สามารถขยายกิจการเข้าสู่วงการพัฒนาที่ดิน นอกจากนั้นยังได้ขยายไปยังธุรกิจการเงิน การตลาด วิทยาลัย อุตสาหกรรม ตามความถนัดของลูกแต่ละคน จนต้องนำบุคคลภายนอกเข้ามาช่วยบริหารงานจนกระทั่งเข้าสู่ยุคทายาทรุ่นที่ 3
ในปัจจุบันโครงสร้างการตลาด แบ่งออกเป็น
1. สินค้าประเภทยา โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม
1.1 จำหน่ายผ่านร้านขายยาทั่วไป ได้แก่ ยาทัมใจ ยาแก้ปวดไข้ PARACET กลุ่มยาโอสถสภา เช่น กฤษณา กลั่น ยาธาตุ 4 ยาอมโบตัน วัน-วัน ฯลฯ
1.2 จำหน่ายผ่านโรงพยาบาลและคลินิค ได้แก่ ยาที่มีประสิทธิภาพสูงของบริษัท GREEN CROSS จาก ประเทศญี่ปุ่น อาหารเสริมสุขภาพ เช่น BANNER PROTEIN จากสหรัฐอเมริกา PROVITA จาก 3 เอ็ม
2. สินค้าประเภทเครื่องดื่ม ได้แก่ ลิโพวิตันดี ฉลามขาว M-100 M-150
3. สินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ นมผงสโนว์ แป้งเย็นฮูลาฮูล่า 12 พลัส ผ้าอนามัยโซฟี
โดยมีผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ทำรายได้ในสัดส่วน 65% ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและสินค้าอุปโภคบริโภค ทำสัดส่วนรายได้ 25% ที่เหลือเป็นธุรกิจด้านยา สำหรับแนวทางการตลาดของโอสถสภาในปี 2544 จะมีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่ โดยจะมุ่งไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก
แม้ทุกสิ่งจะมีการปรับเปลี่ยนไปให้รับกับกาลเวลา ทว่าลึก ๆ แล้ว กิเลนตัวเดิมที่โลดแล่นอยู่ในยุทธจักรการค้ามากว่าศตวรรษ ยังคงความขลัง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยได้เสมอมา
แก้ไขล่าสุดโดย
o_ต่อ tapae inn เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 1:36 pm, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง.