โดย : มุขรินทร์
(ชมแบบเป็นคลิปวิดีโอได้ที่ http://www.pochnews.com/news/interview/6092.htm)
จากความผูกพัน ที่คร่ำหวอดวงการธุรกิจน้ำดำมายาวนาน เกือบ กึ่งศตวรรษ ของหาดทิพย์ และทายาทผู้บริหาร ก้าวสู่ที่ปรึกษาสูงสุดเบอร์หนึ่งของวงการ...
พ.อ. (พิเศษ) พัชร รัตตกุล หรือ ?ผู้พัน ดอลล่าร์? ลูกหม้อ ทายาท คนดังสายเลือดธุรกิจน้ำดำแต่กำเนิด
บอกเล่า ตำนานกลุ่มบริษัท หาดทิพย์(มหาชน) จำกัด พร้อมที่มา ที่ไป...
?ผมเกิดที่เมืองไทยแต่ไปเรียนและโตที่อังกฤษและเป็นเพื่อนสนิทกับ?จิ๊บ? พี่ชายของคุณ กรณ์ จาติกวนิช หรือ ?ดอน? เราสามคนเติบโตมาด้วยกัน...
บ้านผมอยู่ที่อีสตัน ส่วนคุณกรณ์อยู่ที่วินเชสเตอร์ ดังนั้น ?คุณกรณ์? หรือ ดอนก็เปรียบเหมือนเป็นน้องชายแท้ๆของผม...?

เรียนจบขั้นต้น ผมก็ไปอยู่โรงเรียนประจำที่สก็อตแลนด์ จบจากโรงเรียนประจำ ก็เข้าไปโรงเรียนนายร้อยอังกฤษ โดยทุนจากรัฐบาล ซึ่งเป็นเงินของ จปร.ทั้งหมด ซึ่งทุกปีจะมีให้ 2 ทุน ... ซึ่งสอบคราวละ 10 คนและคนที่สอบได้ที่ 1-10 ก็จะเลือกไปเรียนที่อเมริกา,นอร์เวย์,อังกฤษ,ออสเตรเลียหรือ ญี่ปุ่น
พอสอบเสร็จ-เรียนจบ ผมก็ออกมาเป็นร้อยตรี และกลับมารับราชการที่กรมฐานทัพที่ 1 ที่เมืองไทย แต่พอกลับไปเรียนอีกครั้งที่มหาวิทยาลัย Oxford ก็ต้องเป็นรุ่นน้องของคุณกรณ์ เพราะต้องมาเสียเวลากับการเรียนนายร้อยอยู่ 1 ปี
?ทั้งคุณกรณ์ และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลยเป็นรุ่นพี่ของผม และเราเรียนอาจารย์เดียวกัน?
นี่คือ ที่มาที่ไป ของท่านประธานที่ปรึกษาบริษัท หาดทิพย์(มหาชน) จำกัด คุณ พัชร รัตตกุล หรือ คุณดอลลาร์ ผู้ดูแลที่ปรึกษา เครื่องดื่มผลิตภัณฑ์โค้ก แฟนต้า สไปรต์ ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ มายาวนาน
PochNews: ที่มาที่ไปของการมาทำธุรกิจน้ำดำและเป็นที่ปรึกษาบ.หาดทิพย์ ในภาคใต้ ให้เป็นอันดับ1 มายาวนาน?
พ.อ.พัชร: เริ่มแรกของบริษัทหาดทิพย์ คือ เมื่อ 40 ปีก่อน การดำเนินธุรกิจของโคคาโคล่า นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ทางไทยน้ำทิพย์เค้าบริหารอยู่แล้ว ท่านพจน์ สารสิน (บิดาคุณ พงศ์ สารสิน) ก็ได้ให้เพื่อนของท่าน ชื่อ หลวงชาติตระกาล โกศล(หลวงชาติเป็นคุณปู่ของคุณดอลล่าร์) มาทำที่ 2 จังหวัดภาคใต้ คือสงขลา และอีกจังหวัดหนึ่ง...
พอหลวงชาติทำงานมาได้สักระยะ ก็มอบหมายให้คุณไพโรจน์ รัตตกุล ซึ่งเป็นคุณพ่อของคุณดอลล่าร์ เข้ามาทำงาน จนประมาน 30 กว่าปี ก็ได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัทเดิมจาก ?นครทิพย์? มาเป็น ?หาดทิพย์? หลังจากนั้นก็บริหารงานมาเริ่มจากบริษัทที่มีรถเล็กๆขายอยู่แค่ 6 คัน มีพนักงานอยู่เพียงไม่กี่คน ในกว่า30ปีที่ผ่านมา
จากนั้นเราก็นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ณ วันนี้เราเป็นบริษัทมหาชน มีพนักงานประมาน1500 คน แล้วก็ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของโคคาโคล่าทั่ว14 จังหวัดภาคใต้...

PochNews : ตอนนั้นมีวิธีดึงส่วนแบ่งทางการตลาดจากคู่แข่งเป็นอย่างไร?
พ.อ.พัชร: การแข่งขันกับคู่แข่งมีความรุนแรงมาตลอดตั้งแต่ผมเป็นเด็กๆแล้ว เพียงแต่ว่าปัจจุบันมีความรุนแรงกว่าเท่านั้น เพราะว่าจริงๆแล้วการแข่งขันของน้ำดำทั้ง 2 ยี่ห้อ ถ้าถามจากผู้บริโภค...รสชาติก็จะไม่ต่างกันมาก บรรจุภัณฑ์ก็ไม่ได้ต่างกันมากมาย เพราะฉะนั้นการตัดสินใจในเลือกของผู้บริโภคถ้าไม่รักในแบรนด์ ของเราจริงๆ เค้าก็อาจจะลืมแบรนด์ของเราได้
PochNews : มีกลยุทธ์อย่างไรในการดึงดูดลูกค้าให้มาสนใจแบรนด์ Coke ครับ?
พ.อ.พัชร: กลยุทธ์มันก็ต้องมองในภาพรวม คือบริษัทโคคาโคล่าไทยแลนด์ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯนั้น โคคา โคล่าไทยแลนด์มีหน้าที่ในการดำเนินการทางด้านการตลาดในภาพรวมทั้งหมด ส่วนไทยน้ำทิพย์และหาดทิพย์ ตามภาษาธุรกิจของเราคือ จะเรียกว่าบ็อทเลอร์ ทั้งหาดทิพย์และไทยน้ำทิพย์ก็เป็นบ็อทเลอร์ เป็นคำที่ใช้ทับศัพท์ คือเราจะซื้อหัวน้ำเชื้อมาจากบริษัทโคคาโคล่า ซึ่งในประเทศไทยก็คือโคคาโคล่าไทยแลนด์ เมื่อเราได้หัวน้ำเชื้อมา เราจะมีลิขสิทธิ์อยู่แล้ว ทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัท หาดทิพย์และไทยน้ำทิพย์ เพียงแต่ซื้อมาเพื่อมาผลิตในส่วนของโรงงานของเราในส่วนของตัวกระป๋องและทุกอย่างที่เราเป็นคนผลิต
?คือ เราจะรับหัวน้ำเชื้อมาแล้วนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ และแบรนด์ต่างๆที่ทางโคคาโคล่า โดยเราต้องมีพวกโรงงานที่ไว้ผลิต ซึ่งโรงงานของเราตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านพรุ ที่อำเภอหาดใหญ่ เป็นโรงงานที่เก่าแก่พอสมควร มีเนื้อที่ประมาณ 70 กว่าไร่ ตั้งมาประมาณ40 กว่าปี ตั้งแต่ยุคต้นๆของหลวงชาติ และได้มีการปรับปรุงทางด้านสาธารณูปโภคมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเราก็ได้ลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรนำมาผลิตผลิตภัณฑ์สินค้าประเภทกระป๋องเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าทั้งประเภทที่เป็นขวดแก้วที่ต้องคืนขวดและขวดแก้วที่ไม่ต้องคืนขวด และสินค้าประเภทกระป๋อง 2 ขนาด ทั้งขนาดธรรมดาและขนาดที่เรียกว่า สลีค Sleek ซึ่งจะขายเฉพาะ14จังหวัดภาคใต้เท่านั้น และเป็นตัวสินค้าที่เพิ่งออกมาใหม่
PochNews: การแบ่งสัดส่วนทางการตลาดกับในกรุงเทพ และภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัดที่ท่านดูแลเป็นอย่างไร?
พ.อ.พัชร: ในภาพรวมสั้นๆ เราก็คงจะไม่แตกต่างกับบริษัทอื่นๆที่พบกับสภาพการแข่งขันที่รุนแรงอย่างในปัจจุบัน และเราไม่ต้องการองค์กรที่มีหลายชั้น เช่น จากผู้จัดการมาจนถึงผู้ปฏิบัติมีหลายชั้นมากจนเกินไปคล้ายๆกับการบังคับบัญชาของทหาร ซึ่งจะทำให้การทำงานหรือการดำเนินธุรกิจนั้นล่าช้า การตัดสินใจก็จะช้าไปด้วย
ฉะนั้นในหลักการบริหารตั้งแต่ผมเข้ามา ผมพยายามที่จะบีบองค์กรให้มันแบนลง
5 ปี ที่ผ่านมา ผมได้เปรียบเทียบทั้งในส่วนที่แตกต่างและส่วนที่เหมือนกัน
ที่เหมือนกัน คือ พนักงานทุกคนจะต้องมีความเป็นผู้นำในตัวเองอย่างชัดเจน แต่เรื่องความรับผิดชอบ จะต้องมีความแตกต่างกัน ดังนั้นนโยบายจากข้างบนของเรา คือ พนักงานทุกคนจะต้องมีความคิดริเริ่ม ไม่ใช่ อยู่ไปเรื่อยๆ เช้าชามเย็นชาม และเราต้องใช้ความเป็นผู้นำ ทำให้พวกเค้าก็จะเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งอันนี้ผมนำประการณ์ 25 ปี ในกองทัพมามาปรับใช้...

PochNews: อย่างไรครับ?
พ.อ.พัชร: คือ ผมเป็นทหาร การอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน มีความจริงใจต่อกัน ผมจึงเน้นกับลูกน้องที่หาดทิพย์เสมอๆว่า ผมได้เห็นความสนุกสนานในการทำงานในสิ่งที่พวกเขาทำ ขณะที่ก็มีความจริงใจและมีการให้เกียรติเคารพนับถือซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับล่าง...คนกวาดถนนหรือผู้จัดการฝ่ายการตลาด ทุกคนให้ความนับถือในความอาวุโสทางด้านอายุและวัยวุฒิต่อกันด้วย
PochNews: สาเหตุที่เรียนนายร้อยทหารบกแซนเฮิสท์ (Royal Military Academy Sandhurst) ที่สหราชอาณาจักร และได้ทุนจากรัฐบาล?
พ.อ.พัชร: ผมจบจากโรงเรียนมัธยมก็เข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยเลย (ประมาณปี1981) ซึ่งตอนนั้นมีคนไทยเรียนอยู่แค่ 4 ทุน ทั้งๆที่เดิมผมอยากเรียนหมอ ทั้งๆที่ไปอยู่โรงเรียนประจำก่อนถึง 5 ปี
แต่เพราะคุณพ่อแนะนำว่า
1. ถ้าเราอยู่เมืองนอกนาน เราอาจไม่มีเพื่อนมากเท่าที่ควร
2. ถ้ารับราชการทหารอาจได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่ภาคเอกชนไม่สามารถให้ได้ เช่น ลักษณะการเป็นผู้นำ การอยู่แบบร่วมทุกข์ร่วมสุข
ผมก็เลยตัดสินใจเข้าโรงเรียนนายร้อยที่ประเทศอังกฤษและกลับมารับราชการที่กองทหารราบกรมพลที่2 และทหารราบกรมที่ 1 ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ก็เป็นทหารมหาดเล็ก มา 2 ปี
?ผมถูกเลี้ยงมาแบบต้องมีระเบียบวินัย และห้ามพูดโกหก เหตุผลเพราะในที่สุดคุณอาจจะถูกจับได้ และเราต้องมีความจริงใจและจริงจัง?
ฉะนั้นในการที่จะคบใครก็ตาม...จะเป็นเพื่อนหรือ เพื่อนร่วมงาน นาย ลูกน้อง ผมคิดว่าความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด?
PochNews: ระหว่างเรียนเมืองนอก(แซนเฮิสท์)เคยคิดว่าจะได้กลับมาทำธุรกิจหรือเปล่าครับ?
พ.อ.พัชร: ไม่เคยคิดเลยครับ ผมรับราชการตั้งแต่ปี2526 เป็นร้อยตรี พอจบจากแซนเฮิร์ทมาผมก็ ไปอยู่ที่กรมมหาดเล็ก
แต่ที่แซนเฮิสท์ เขาจะสอนให้เราเป็นทหารเพียงอย่างเดียว พอผมมารับราชการที่เมืองไทยได้ 2 ปี ผมก็เลยต้องศึกษาหาความรู้เพิ่ม มิฉะนั้นไม่สามารถเข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบกได้ จึงได้ลาไปเรียนต่อที่อังกฤษอีก และสอบเข้าที่มหาวิทยาลัย Oxford เลือกเรียนปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ ระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ ที่ St John?s College
ซึ่งเรียนที่เดียวกับคุณ กรณ์ จาติกวนิช ซึ่งก่อนนั้นเป็นรุ่นน้องตอนอยู่ที่สาธิตจุฬา แต่มาเป็นรุ่นพี่ผมที่ Oxford เนื่องจากผมต้องมาเรียนนายร้อย 2 ปี และมารับราชการต่อที่เมืองไทยอีก2 ปี
?คุณกรณ์เป็นคนที่เก่งมากในเรื่องของความสามารถและเรื่องตรรกะทางความคิด ท่านเป็นประธานนักเรียนของเซนต์จอร์นในขณะนั้น ซึ่งน่าภูมิใจมาก มีสนิทกับท่านกรเหมือนพี่กับน้องแท้ๆ เพราะพี่ชายของท่านเป็นเพื่อนรักกับผมมาตั้งแต่เด็กๆ และเราอยู่ที่อังกฤษมาด้วยกันตั้งแต่ผมอยู่มัธยม...?