รำลึกถึง "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

[o_cokeyuth]

รำลึกถึง "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

ตอนแสนศักดิ์ เสียชีวิต 16 เมษายน 2552 เป็นช่วงที่เมืองไทย กำลัง"ร้อน" จนไม่ได้รำลึกถึงเขา
ไม่รู้เป็นไง เห็นหน้า ปาเกียว ยอดนักชกฟิลิปปินส์ ทีไร ผมนึกถึง "ไอ้แสบ" ตอนหนุ่มๆทุกที
หน้าของสองคนนี้ มีส่วนคล้ายๆกัน และในยุครุ่งเรืองของไอ้แสบ
แสนศักด์ฟีเวอร์ ก็ดังขนาด มีคนแต่งเพลงลูกทุ่งมาร้อง สถานีทุกคลื่นเปิดเพลงนี้
มีแฟนมวยและแม่ยกเหมารถติดตามไปเชียร์ ไอ้แสบชก ยาวเหมือนขบวนรถทอดกฐิน
และแต่ละจังหวัด แย่งกันเป็นเจ้าภาพ จัดมวย ให้ไอ้แสบ
เสียแต่ว่า สมัยนั้น การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ทำได้ยากเพราะ รถถ่ายทอด ไม่สามารถเดินสายตามต่างจังหวัดได้สะดวก

[o_cokeyuth]

ยอดโปรโมเตอร์ ของยุคนั้น คือ
เทียมบุญ อินทรบุตร



ดังขนาดไหน ลองดูเนื้อเพลง ที่เพลิน พรหมแดน ร้องมอบให้ ไอ้แสบ

ฟ้าสะท้าน สะเทือนแผ่นดิน เมื่อ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ได้ครองตำแหน่ง
ดีใจ ทั้งผมและคุณ โดยเฉพาะ "เทียมบุญ" แกยิ้มเหงือกแห้ง
หมัดไอ้แสบ มีพลังแข็งแรง จึงครองตำแหน่ง แชมป์โลกตลอดมา....

มอนโร บรู๊ค/ หลุยส์ เฮอร์นานเดซ ตลอดจน ไมค์ เอฟเวอเรสต์ แพ้ไป ขายหน้า
ซาอูล แมมบี้ เสือดำ ที่ร่างกายกำยำ ยังแพ้หมดท่า
ส่วน "สนอง" เป็นโค้ชที่ฝึกสอนมา วางแผนล่วงหน้า ว่าต้องชนะทุกราย

แดน บุรีรัมย์ : (ตลกอาวุโส นักแต่งเพลง และนักจัดรายการวิทยุ อดีตสมาชิกวงเพลิน พรหมแดน) :
เล่าว่า "ความยิ่งใหญ่ของแสนศักดิ์ในยุคนั้น ขนาดเพลิน พรหมแดน ยังต้องเอาไปร้องเป็นเพลง
มีแฟนๆ กรี๊ดกร๊าดขอฟังกันตลอดเวลาเดินสายไปเล่นดนตรี วันนี้เขาจากไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจ
ที่คนในวงการมวยมากมาย มาร่วมไว้อาลัยแก่เขา ถึงวันนี้เสียงเพลงที่สดุดีถึงเขานั้น ก็ยัง
ก้องอยู่ในหูของผมไม่เสื่อมคลาย"

แต่ ลุงเทียมบุญ แกก็ไปจ้างให้คนแต่งเพลงไว้สำหรับเปิดตอนรอสัญญาณถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม
เป็นเพลงช้าๆ และ สั้นติดหูคนไทยในสมัยนั้น....

"แกร่งเหมือนหิน......มันไปทุกถิ่นทั่วโลกา
นำไตรรงค์ ธงไทย ไปอวดศักดา
ให้ทั่วโลกรู้ว่า......ข้า คือ คนไทย
ชื่อ.....ไอ้แสบ......แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์"

[("\(*-*)/")]

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเห็นโปสเตอร์ไอ้แสบ นักชกผู้ยิ่งใหญ่ โฆษณาโค้ก อยากจะสอยเอามาฝากในบอร์ด แต่คนขายเขาขายทั้งหมด ปึกใหญ่มาก โค้กทั้งน้าน รวมหมื่นสอง!!!

ผมเลย....ถอยดีกว่า ไม่อาววว ดีกว่า

[o_cokeyuth]

ภาพประกอบในกระทู้นี้ มาจาก วิกิพีเดีย และ www.thaifilm.com
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ

[o_cokeyuth]

ประวัติชีวิต ของ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ใน วิกืพีเดีย ครับ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81% ... 3%E0%B9%8C

[o_Cybervisitor]

จำได้ว่าเมื่อก่อนเวลาหลังจากไอ้แสบชกเสร็จแต่ละครั้งก็จะมีเป็นหนังมาฉายตามโรงด้วย

[o_cokeyuth]

สมัยนั้น ลุงเทียมบุญ แกมีรายการ "ยอดมวยโลก" ที่ช่องเจ็ดสีตอนสี่ทุ่ม
แล้วสมัยนั้น การบันทึกภาพ ยังนิยมถ่ายเป็นฟิล์มหนัง เพราะกล้องมันเล็กและถ่ายซอกแซกดีกว่ากล้องทีวี
ถ่ายเสร็จ ก็เอามาขายสายหนังได้ ขายรายการโทรทัศน์ได้ ไม่ต้องง้อสปอนเซอร์

เชียร์ ไอ้แสบ แล้วใจหายใจคว่ำ มีลุ้นตลอดครับ....
ก่อนอื่น ต้องบอกว่า...แสนศักดิ์ ไม่ใช่ นักชกไอคิวสูง อย่าง สามารถ
แสนศักดิ์ ไม่ใช่ นักชกเชิงมวยดี อย่าง เขาทราย
แสนศักดิ์ ไม่มีเชิงชกสวยๆให้ดู แถมอืดเป็นเรือเกลือ....
แต่ ใครจะเก่งแค่ไหน ถ้ามาชนกับแสนศักดิ์ ก็เหมือน วิ่งชนรถสิบล้อ
ขอให้ไอ้แสบได้ชกเข้าเป้าสักหมัดหรือสองหมัดเถอะ....รับรองมีเฮแน่ๆ

[o_cokeyuth]

ตอนไอ้แสบชกชิงแชมป์โลก....ไม่มีใครคาดหวังเลยครับ
เพราะไอ้แสบเพิ่งมาเปลี่ยนจากมวยไทย....ชกมวยสากลอาชีพได้แค่สองนัด
นัดที่สาม ก็ชิงแชมป์โลก กับ เปริโก้ เฟอร์นันเดซ เลย แถมชนะน๊อคเสียด้วย
พอนัดที่สี่ แสนศักดิ์ ก็ป้องกันแชมป์ กับ ไลอ้อน ฟูรูยาม่า ที่ญี่ปุ่น ชนะคะแนนใสๆ

นัดที่ห้า ที่คนไทยเชื่อมั่นจริงๆว่า ไอ้แสบ แสนศักดิ์ ชกกับใครก็ได้ในโลก ดันไปเจอจอมมายา
ที่ประเทศสเปน มิเกล เวลาสเควซ สมัยนั้นไม่มีถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
ต้องเปิดฟังวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดสดทางวิทยุ ก่อนหมดยกที่สี่ ไอ้แสบออกหมัดชุดแล้วติดพัน
ระฆังหมดยก หมัดไอ้แสบออกมาพร้อมระฆังพอดี.......เป็นหมัดธรรมดาๆ
แต่ มิเกล เวลาซเควซ ก็แสดงละคร ลงไปล้มกลิ้งไม่สามรถชกต่อได้ ทำให้ไอ้แสบโดนจับแพ้ฟาล์วเสียแชมป์

แต่โปรโมเตอร์ เทียมบุญ ก็มีสัญญาชกแก้มือ เมื่อสี่เดือนผ่านไป กลับไปชกที่สเปนอีกครั้ง
ไอ้แสบ ก็บุกขยี้ มิเกล เวลาสเควซเสียยับ จนไม่ยอมเดินออกจากมุม

จำได้ว่า เพลงไอ้แสบ ที่ลุงเทียมบุญเอาออกมาเปิด ตอนรอถ่ายทอดสด มันดังเพียงข้ามวัน

[o_cokeyuth]

หลังจากการชกครั้งนั้น....ไอ้แสบ ก็ได้เป็นแชมป์โลกสมัยที่สอง
การทัวร์คอนเสิร์ต เอ๊ย ไม่ใช่ครับ การทัวร์ป้องกันแชมป์โลกตามต่างจังหวัด ของไอ้แสบก็เริ่มขึ้น
การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ทำได้ยากครับ คนจัดก็ต้อง "ปิดวิก" ขายตั๋วเก็บตังค์
แฟนมวยก็ต้องเหมารถโดยสาร เหมารถกะบะ ตามๆกันไปเชียร์

ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 15 มกราคม 2520 ชนะน็อค มอนโร บรูค (สหรัฐ) ยก 15 ที่ จ.เชียงใหม่
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2, 2 เมษายน 2520 ชนะน็อค กัตซ์ อิชิมัตสึ (ญี่ปุ่น) ยก 6 ที่ โตเกียว
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 3, 17 มิถุนายน 2520 ชนะคะแนน เปริโก เฟอร์นันเดซ (สเปน) ที่ สเปน
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4, 20 สิงหาคม 2520 ชนะน็อค ไมค์ เอฟเวอเรส (สหรัฐ) ยก 6 ที่ จ.ร้อยเอ็ด
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 5, 22 กันยายน 2520 ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ (สหรัฐ) ที่ จ.นครราชสีมา
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 6, 30 ธันวาคม 2520 ชนะน็อค โจ คิมปัวนี่ (ฝรั่งเศส) ยก 13 ที่ จ.จันทบุรี
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 7, 8 เมษายน 2521 ชนะน็อค ฟรานซิสโก โมเรโน (เวเนฯ) ยก 13 ที่ จ.สงขลา





อารมณ์ของการไปทำข่าวสมัยนั้น ลองอ่านนักข่าวรุ่นเดอะเขาเล่าให้ฟัง

http://203.151.217.76/news.php?section= ... ent=133520

http://www.thairath.co.th/content/life/1920

การส่งข่าวหรือบรรยายผลการชกไม่มีปัญหาเพราะใน พ.ศ.2520 ต้นๆ ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของไอ้แสบนั้น
บ้านเรามีโทรศัพท์ทางไกลใช้มานานแล้ว สามารถโทรศัพท์รายงานผลการชกได้อย่างสะดวก

แต่ภาพการชกนี่ซี...เราจะส่งอย่างไรให้ทันการเพราะใน พ.ศ.ดังกล่าว เรายังไม่มีอีเมล์หรือ
ไม่มีอินเตอร์เน็ตที่สามารถส่งภาพไปทั่วโลกในชั่วพริบตาอย่างสมัยนี้


มีเพียงเครื่องส่งภาพวิถีไกลของการสื่อสารอยู่เพียงเครื่องเดียวและมีกติกาจำกัดให้หนังสือพิมพ์
แต่ละฉบับส่งได้ไม่เกินฉบับละ 2 ภาพเท่านั้น


นอกจากไม่พอเพียงที่จะดับกระหายท่านผู้อ่านแล้ว ก็ยังล่าช้าไม่ทันห้วงเวลาจัดพิมพ์ของแต่ละคืนอีกด้วย


ดังนั้น ในการชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกรุ่น เวลเตอร์เวทของ WBC กับ มอนโร บรู๊คส์
ผู้ท้าชิงชาวสหรัฐฯ ที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2520 จึงเป็นโจทย์สำคัญของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ



นั่นก็คือ...เราจะขนฟิลม์หอบใหญ่จากเชียงใหม่
เข้ามาใช้งานให้ทันในกรุงเทพฯได้อย่างไร?

โดยเฉพาะเป็นโจทย์ใหญ่ของไทยรัฐที่มีความมุ่งมั่นที่จะเสนอข่าวและเสนอภาพให้แพรวพราวที่สุด
เท่าที่จะแพรวพราวได้...เหมือนทุกครั้งที่ไอ้แสบขึ้นชกในกรุงเทพมหานคร


เราครุ่นคิดตั้งแต่จะใช้รถสปอร์ตความเร็วสูงห้อเหยียดจากเชียงใหม่ ซึ่งก็ต้องเลิกล้มความคิด
หลัง จากนั้น เพราะต่อให้ซิ่งอย่างไรก็ต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย...ไม่ทันเวลาพิมพ์อย่างแน่นอน


ในที่สุด คุณ สมิต มานัสฤดี หัวหน้ากอง บก. ของเรายุคนั้นก็คิดถึงเครื่องบิน และไปหาข้อมูล
จากบริษัทเดินอากาศไทย พบว่าค่าเช่า
เครื่องบินเหมาลำจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ และจากเชียงใหม่กลับกรุงเทพฯ ตกประมาณ 5 หมื่นบาท


เครื่องบินที่ใช้บินไปเชียงใหม่ ได้แก่ [color=green]เครื่องบิน

[o_arale]

เอาอีกครับ...ป๋า...ได้รู้ข้อมูลของน้าแสบอีกเพียบเลย...

[o_cokeyuth]

กระทู้ในพันทิป กระทู้นี้ น่าอ่านนะครับ มีโยงคลิปให้ชมด้วย

http://www.pantip.com/cafe/supachalasai ... 58028.html

ส่วนคลิปรายการในยูทูป ก็แนะนำตรงนี้....

รายการของทีวีไทย

http://www.youtube.com/watch?v=MjcoB1SN ... re=related

[o_cokeyuth]

ถ้าอยากรู้ว่า ตอนที่ไอ้แสบ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โค้ก
มันจะเท่ห์ขนาดไหน?.....
ต้องไปเยี่ยมเวปหาดทิพย์ครับ

www.haddthip.com
เลือกบรรทัดบน Advertising "สื่อโฆษณา"
จะมีภาพโปสเตอร์โค้กในอดีตขึ้นมาเพียบ....
ไปเล็งที่แถวบน ตาไวไวหน่อย จะพบหนุ่มหล่อ มีหนวด เท่ห์เหมือน ชาร์ลส์ บรอนสัน

คลิ๊กโปสเตอร์ขยายออกมาดู....จะพบไอ้แสบสมัยยังรุ่งสุดขีด โครตเท่ห์เลย

ภาพนี้จาก www.thaifilm.com

[o_cokeyuth]

ไอ้แสบ พบ กัสซ์ อิชิมัตสึ
ป้องกันแชมป์โลก ที่ กรุงโตเกียว เมื่อ 2 เมษายน 2520

http://www.youtube.com/watch?v=zU3uNEFv ... re=related

[superpunch]

ในฐานะ คนชอบมวย ผมว่ามองบางมุม น้าแสบ แกไปละม้ายคล้าย แพคแมน เหมือนกันนะเนี่ย

ผมได้อ่าน เดลินิวส์ ฉบับพิเศษ อาลัย แสนศักดิ์ นักข่าวสายมวย
คนที่ทำข่าว แสบ มาตลอด บอกว่า แสนศักดิ์เป็นนักมวยไทยรายแรก
ที่นักข่าวสมัยนั้นลงทุนเช่าเหมา เครื่องบิน ไปทำการบันทึกการชก
(ในสมัยนั้นใช้ฟิลม์ในการบันทึก)

[superpunch]

สวัสดี ท่านสมาชิกสภาประชาชนผู้ทรงเกียรติ

สมาชิก "ทวีศักดิ์ สุขธงไชยกูล" ยกมือขออภิปรายถึงแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์

เรียน ท่านประธานท้วมและสมาชิกสภาประชาชนที่นับถือ

วันนี้ผมของอภิปรายถึงนักสู้แห่งเมืองมะขามหวานเพชรบูณ์ ผู้ลาโลกไปด้วยความขมขื่นในชีวิตจากโรคภัยที่รุมเร้า เจ้าของสถิติเยี่ยมยอดคือชกมวยสากลอาชีพเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลก จากการวางแผนอย่างยอดเยี่ยมของ "หัวแตงโม" คุณเทียมบุญ อินทรบุตร ผู้ลับล่วงไปก่อนแล้วหลายปี จะไปหาสถิติสุดยอดแบบนี้จากที่ไหนในโลกนี้ เชื่อได้ว่าคงจะไม่มีอีกแล้ว

"แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์" หรือที่หลายคนในยุคนั้นเรียกเขาว่า "ไอ้แสบ" นักชกเจ้าของฉายา "หมัดสีชมพู" ที่ดูเหมือนอ่อนหวาน หรือ "ซ้ายทลายโลก" ที่หมัดหนักชนิดแฟนมวยขนานแท้ต่างบอกว่า "โดนที่ไหนเน่าที่นั่น" หากใครเคยดูเขาชกจะเห็นได้ว่าสถิติในการชกของนักชกผู้นี้ทั้งแบบมวยไทยและมวยสากลจะเป็นการชนะน็อกชะเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวเองถูกเขาน็อกก็เคยมีเช่นกัน

ศาลา 3 วัดตรีทศเทพ เมื่อเย็นวันที่ 17 เมษายน 2552 ร่างของแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ นอนสงบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ หลังจากต้องต่อสู้ชีวิต ซึ่งมีทั้งสุข สนุก ทุกข์ และขื่นขมมายาวนานเกือบ 6 ทศวรรษ กลายเป็นที่รวมพลของบุคคลต่างๆ ในวงการมวย นักมวยรุ่นเก่าเมื่อ 30-40 ปีก่อน

วันนั้นผมมีโอกาสเจอะเจอหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น "เบิกฤกษ์ ชาติวันชัย" หรือที่เรียกกันว่า "ไอ้เหม็น" นี่ก็เป็นอดีตแชมป์โลกชาวไทยเหมือนกัน แม้หมัดจะไม่หนักแบบสั่งได้แต่ก็มีฝีมือแพรวพราว หลายคนที่เคยดูคงจำได้ถึงการควงกำปั้นดวลกับมาชาโอะ โอบะ อย่างเมามันที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้แม้จะอายุ 65 ปีแล้ว แต่ก็ยังดูร่าเริง อารมณ์ดี คล่องแคล่ว พูดจาสนุกสนาน

นักมวยไทยก็มีหลายคน โดยเฉพาะอดีตนักมวยค่ายเมืองสุรินทร์ ที่เป็นลูกศิษย์ของ "จอมตบ" สนอง รักวาณิชย์ เจ้าของค่ายเมืองสุรินทร์ คู่ชีวิตของนักร้องดังในอดีตคือกุหลาบ กฐินะสมิต ที่ลาลับไปแล้วทั้ง 2 คน นอกจากนี้ยังมีใบหยก บขส. สนธยา เกศสงคราม และอีกหลายคน ซึ่งล้วนเป็นนักมวยดังในอดีต

ผมได้พบพี่มนตรี วีระประวัติ เหยี่ยวข่าวแห่งหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่โลดแล่นบนถนนกีฬาโดยเฉพาะกีฬามวยมายาวนาน ซึ่งได้เล่าให้ฟังถึงการต่อของ "ไอ้แสบ" บนสังเวียนผ้าใบว่า "แสนศักดิ์เป็นนักมวยที่มีพรสวรรค์มาก เมื่อคราวที่ต่อยป้องกันแชมป์กันมอนโร บรูก รองแชมป์อันดับ 1 ชาวอเมริกันที่จังหวัดเชียงใหม่ คราวนั้นแสนศักดิ์แลกหมัดกับผู้ท้าชิงอย่างดุเดือด และถูกนับในยกที่ 3 แต่หลังจากนั้นเขาก็ใช้หมัดซ้ายถล่มมอนโร บรูก หลุดไปนอกเชือกจนถูกนับเช่นกันในยก 13 ก่อนจะดับฝันผู้ท้าชิงในปลายยกที่ 15"

ส่วนคุณทรงชัย รัตนสุบรรณ โปรโมเตอร์เจ้าของ "ศึกวันทรงชัย" อันโด่งดังกว่า 30 ปี ตั้งแต่ยุควิกสังกะสีหรือเวทีลุมพินี จนเข้ามาถิ่นมาจัดมวยอยู่เวทีราชดำเนิน ได้กล่าวว่า "ผมรู้สึกเสียใจเหมือนกับชาวไทยทั้งประเทศ ที่วันนี้เราได้เสียนักมวยคนสำคัญระดับชั้นนำของประเทศ รวมทั้งผู้สร้างและหัวหน้าคณะคือคุณเทียมบุญ อินทรบุตร และคุณสนอง รักวาณิชย์ ที่ลาลับไปก่อนหน้านี้หลายปี ทิ้งไว้เป็นตำนานประวัติศาสตร์ของวงการมวย ว่าชกมวยอาชีพเพียง 3 ไฟต์เท่านั้นเป็นแชมป์โลกแล้ว ผมคิดว่าจะมีการจัดมวยครั้งสำคัญในเร็วๆ นี้ที่เวทีราชดำเนิน โดยร่วมมือกับบุคคลและนักมวยในวงการ โดยจะมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ เพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวของนักชกผู้ยิ่งใหญ่..."

ทางด้านพี่ตุ๋ย หรือคุณศิวดล ชวลิตปรีชา จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ดูผ่ายผอมไป ซึ่งได้ติดตามการชกของ "ไอ้แสบ" มาตั้งแต่ยังหนุ่ม ก็เล่าให้ฟังถึงนักชกผู้มีหวานใจเป็นดาราสาวสาวยุคนั้น คือ "ปริม ประภาพร" จนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คนว่า "ในยุคที่ผมไปติดตามทำข่าวการชกของแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ซึ่งมีทั้งในและนอกประเทศ ขณะนั้นการรายงานข่าวไม่ทันสมัยและไม่รวดเร็วเหมือนปัจจุบัน มีอยู่หนึ่งครั้งชกที่ประเทศสเปน คู่ชกกลัวไอ้แสบมาก พอเงื้อหมัดจะชกเท่านั้นก็มีอาการกลัวจนลนลาน เรียกว่าใจไม่สู้ จึงสังเวยหมัดสั่งของไอ้แสบเพียงแค่ยก 2 เท่านั้น ปรากฏว่าคนดูต่างไม่พอใจพากันโห่ และเขวี้ยงของสารพัดอย่างขึ้นไปบนเวที เกิดความวุ่นวายไปหมด เชื่อมั้ย 2 ชั่วโมงกว่าพี่ยังออกจากเวทีไม่ได้ ทางโรงพิมพ์ที่เมืองไทยก็แปลกใจว่ามวยชกเสร็จตั้งนานแล้วทำไมไม่ส่งข่าวมาซะที...."

เวลา 15.4 0 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน 2552 "ไอ้แสบ" แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ หรือนายบุญส่ง มั่งศรี แชมป์โลกรุ่นไลต์เวสเตอร์เวต สภามวยโลก (WBC) ก็จากโลกนี้ด้วยวัยเพียง 57 ปี 8 เดือนเศษ เหลือเพียงความยิ่งใหญ่ของการต่อสู้ให้คนที่ยังอยู่ได้ระลึกถึง

และนี่คือฉากสุดท้ายในละครโรงยักษ์ของนักชกผู้สร้างสถิติสะท้านโลก..นาม "แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์"

............................

ประธานท้วมเคยจับมือแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มาแล้ว ฝ่ามือนิ่มมากเพราะไม่เคยทำอาชีพใดๆ เลยนอกจากชกมวย.

http://www.thaipost.net/news/280409/3787