หลังจากการชกครั้งนั้น....ไอ้แสบ ก็ได้เป็นแชมป์โลกสมัยที่สอง
การทัวร์คอนเสิร์ต เอ๊ย ไม่ใช่ครับ การทัวร์ป้องกันแชมป์โลกตามต่างจังหวัด ของไอ้แสบก็เริ่มขึ้น
การถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ทำได้ยากครับ คนจัดก็ต้อง "ปิดวิก" ขายตั๋วเก็บตังค์
แฟนมวยก็ต้องเหมารถโดยสาร เหมารถกะบะ ตามๆกันไปเชียร์
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 15 มกราคม 2520 ชนะน็อค
มอนโร บรูค (สหรัฐ) ยก 15 ที่ จ.เชียงใหม่
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 2, 2 เมษายน 2520 ชนะน็อค กัตซ์ อิชิมัตสึ (ญี่ปุ่น) ยก 6 ที่ โตเกียว
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 3, 17 มิถุนายน 2520 ชนะคะแนน เปริโก เฟอร์นันเดซ (สเปน) ที่ สเปน
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 4, 20 สิงหาคม 2520 ชนะน็อค
ไมค์ เอฟเวอเรส (สหรัฐ) ยก 6 ที่ จ.ร้อยเอ็ด
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 5, 22 กันยายน 2520 ชนะคะแนน
ซาอูล แมมบี้ (สหรัฐ) ที่ จ.นครราชสีมา
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 6, 30 ธันวาคม 2520 ชนะน็อค
โจ คิมปัวนี่ (ฝรั่งเศส) ยก 13 ที่ จ.จันทบุรี
ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 7, 8 เมษายน 2521 ชนะน็อค
ฟรานซิสโก โมเรโน (เวเนฯ) ยก 13 ที่ จ.สงขลา
อารมณ์ของการไปทำข่าวสมัยนั้น ลองอ่านนักข่าวรุ่นเดอะเขาเล่าให้ฟัง
http://203.151.217.76/news.php?section= ... ent=133520
http://www.thairath.co.th/content/life/1920
การส่งข่าวหรือบรรยายผลการชกไม่มีปัญหาเพราะใน พ.ศ.2520 ต้นๆ ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของไอ้แสบนั้น
บ้านเรามีโทรศัพท์ทางไกลใช้มานานแล้ว สามารถโทรศัพท์รายงานผลการชกได้อย่างสะดวก
แต่ภาพการชกนี่ซี...เราจะส่งอย่างไรให้ทันการเพราะใน พ.ศ.ดังกล่าว เรายัง
ไม่มีอีเมล์หรือ
ไม่มีอินเตอร์เน็ตที่สามารถส่งภาพไปทั่วโลกในชั่วพริบตาอย่างสมัยนี้
มีเพียงเครื่องส่งภาพวิถีไกลของการสื่อสารอยู่เพียงเครื่องเดียวและมีกติกาจำกัดให้หนังสือพิมพ์
แต่ละฉบับส่งได้ไม่เกินฉบับละ 2 ภาพเท่านั้น
นอกจากไม่พอเพียงที่จะดับกระหายท่านผู้อ่านแล้ว ก็ยังล่าช้าไม่ทันห้วงเวลาจัดพิมพ์ของแต่ละคืนอีกด้วย
ดังนั้น ในการชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกรุ่น เวลเตอร์เวทของ WBC กับ
มอนโร บรู๊คส์
ผู้ท้าชิงชาวสหรัฐฯ ที่เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2520 จึงเป็นโจทย์สำคัญของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
นั่นก็คือ...
เราจะขนฟิลม์หอบใหญ่จากเชียงใหม่
เข้ามาใช้งานให้ทันในกรุงเทพฯได้อย่างไร?
โดยเฉพาะเป็นโจทย์ใหญ่ของไทยรัฐที่มีความมุ่งมั่นที่จะเสนอข่าวและเสนอภาพให้แพรวพราวที่สุด
เท่าที่จะแพรวพราวได้...เหมือนทุกครั้งที่ไอ้แสบขึ้นชกในกรุงเทพมหานคร
เราครุ่นคิดตั้งแต่จะใช้รถสปอร์ตความเร็วสูงห้อเหยียดจากเชียงใหม่ ซึ่งก็ต้องเลิกล้มความคิด
หลัง จากนั้น เพราะต่อให้ซิ่งอย่างไรก็ต้องใช้เวลา 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย...ไม่ทันเวลาพิมพ์อย่างแน่นอน
ในที่สุด คุณ สมิต มานัสฤดี หัวหน้ากอง บก. ของเรายุคนั้นก็คิดถึงเครื่องบิน และไปหาข้อมูล
จากบริษัทเดินอากาศไทย พบว่าค่าเช่า
เครื่องบินเหมาลำจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ และจากเชียงใหม่กลับกรุงเทพฯ ตกประมาณ 5 หมื่นบาท
เครื่องบินที่ใช้บินไปเชียงใหม่ ได้แก่ [color=green]เครื่องบิน