หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ลูกปัดสุริยเทพ 2000 ปี โดนโจรกรรมจากมิวเซียมสยาม!!!

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 10:00 am
โดย ("\(*-*)/")
โจรกรรมหินล้ำค่า ลูกปัดสุริยเทพ อายุกว่า 2 พันปีจากงานแสดงหินและลูกปัดโบราณ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม ตำรวจ สน.พระราชวังเปิดกล้องวงจรปิดพบหนุ่มใหญ่ต้องสงสัยหายตัวหลังเข้าไปใกล้ตู้กระจกฝั่งฝาผนังที่ตั้งโชว์

เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 5 มี.ค. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน ผกก.สน.พระราชวัง รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.ว่า มีคนร้ายโจรกรรมหินมีค่าที่นำมาแสดงในงาน "ปริศนาแห่งลูกปัด" จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กำลังฝ่ายสืบสวนและกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในอาคารนิทรรศการหมุนเวียน มีลักษณะเป็นตึกสูง 2 ชั้น จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 2 เป็นห้องเนื้อที่กว้างประมาณ 300 ตารางเมตร จัดให้มีการแสดงหินและลูกปัดโบราณหลายชนิด พบว่า "ลูกปัดสุริยเทพ" ที่ถูกนำมาวางโชว์ไว้ในตู้กระจกฝังฝาผนังได้สูญหายไป ส่วนเลนส์ขยายที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้เข้าชมทำการส่องดูได้ถูกเคลื่อนย้ายจนหลุดออกจากฐานที่ตั้ง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บลายนิ้วมือแฝงที่คาดว่าคนร้ายน่าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้เพื่อนำไปตรวจสอบ

สอบสวน นายรณฤธิ์ ธนโกเศศ หัวหน้าฝ่ายพิพิธภัณฑ์และกิจกรรม เปิดเผยว่า ลูกปัดที่หายไปเป็นหินโบราณที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้ทำเรื่องขอยืมมาจาก นายแพทย์บัญชา พงศ์พานิช เพื่อนำมาโชว์ในงานนี้ โดยลูกปัดดังกล่าวมีชื่อที่นักสะสมต่างกล่าวขานกันว่า "ลูกปัดสุริยเทพ" มีลักษณะเป็นหินที่เกิดเองตามธรรมชาติ ค้นพบในพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซ็นติเมตร นอกจากนี้ยังมีลวดลายคล้ายรูปหน้าตาของเทพเจ้าชนเผ่าอินเดียแดง อยู่ตรงกลาง รอบ ๆ หินมีขอบสีเขียวและสีแดงสลับกันคล้ายสีของเครื่องแต่งกายนักรบโบราณ คาดว่าหินที่สูญหายไปนี้มีอายุประมาณไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี และไม่สามารถตีมูลค่าเป็นตัวเงินได้

นายรณรฤธิ์ เปิดเผยต่อว่า ทางพิพิธภัณฑ์ได้ทำเรื่องขอยืมหินดังกล่าวมาจากเจ้าของเพื่อนำมาแสดงในงานนี้ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.51 ถึงวันที่ 28 มิ.ย.52 โดยจะอนุญาตให้นักศึกษา นักเรียน และบุคคลทั่วไปได้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น.แต่จะมีการขอความร่วมมือให้ลงชื่อในสมุดเยี่ยมชมเอาไว้เท่านั้น ในวันนี้ก็เปิดให้เข้าชมได้ตามปกติ กระทั่งเวลา 15.00น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สังเกตุเห็นว่าเลนซ์ขยายที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้เข้าชมทำการส่องดูได้ถูกเคลื่อนย้ายจนหลุดออกจากฐานที่ตั้งและลูกปัดสุริยเทพก็ถูกโจรกรรมไปแล้ว จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าของทราบและรีบแจ้งตำรวจให้มาทำการตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.อ.สุคุณ เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางมาตรวจสอบในทันที จากการประสานขอดูภาพกล้องวงจรปิดภายในพิพิธภัณฑ์ที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้พบว่าภาพไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่มีชายต้องสงสัยอายุประมาณ 40 ปี ทำท่าทางมีพิรุธอยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุก่อนที่หินจะหายไป อย่างไรก็ตามจะต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุก ๆ ด้านอีกครั้งเพื่อรวบรวมเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าว รายงานว่าสำหรับ "ลูกปัดสุริยเทพ" ที่สูญหายไปนั้น มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก และในหมู่นักเล่นแร่แปรธาตุและผู้ต้องการสะสมของเก่า ต้องการมีไว้ในครอบครองอย่างมาก เป็นของศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติที่หายากและเนื่องจากเชื่อกันว่า หากใครได้ครอบครองหินดังกล่าวจะมีโชคลาภ และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอีก คาดว่าคนร้ายน่าจะรู้จักราคาในวงการนักสะสมหรือก็เป็นผู้ที่มีความเชื่อและนิยมชมชอบ

ที่มา: http://news.sanook.com/read/2009/ลูกปัดสุริยเทพ2พันปี-โดนโจรกรรมจากมิวเซียมสยาม/328872/

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 10:09 am
โดย ("\(*-*)/")
นี่คืออีกเหตุผลที่เวลาหน่วยงานต่างๆ มาขอธงช้างผมไปจัดแสดง ผมมักปฏิเสธ แต่พอปฏิเสธไป เขาก็หาว่า "งง...ไม่มีน้ำใจ"

แต่เชื่อมั้ยครับว่าครั้งหนึ่งผมเคยให้ยืมไป เวลาส่งกลับ ฝากมอเตอร์ไซต์กลับมา ขอบธงช้างงี้ขาดวิ่นเลย ผมเลยเอาธงใส่กรอบกระจกทั้งหมด และไม่ให้ใครยืมแล้ว

แม้แต่เครื่องเสียงโบราณ ก็มีทีวีอยู่รายการหนึ่ง พาหัวหน้าโปรดิวเซอร์มาพบผม อ้อนวอนจนแทบกราบเท้า ผมก็ให้ยืมไปเข้าฉาก บอกว่าจะดูแลอย่างดีเยี่ยม ตอนมาเอารถเก๋งมารับเครื่อง และวางไว้บนเบาะหลังอย่างดี แต่พอเสร็จงาน ส่งเครื่องกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ พี่แกกลับฝากรถกระบะส่งของสตูดิโอมา รัดเชื่อกวางตากแดดไว้ในกระบะหลัง สีปากแตรงี้ถลอกปอกเปิก เศร้าใจจริงๆ ครับ ....ผมเข็ดแล้ว งง ก็ งง ล่ะครับท่าน

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 1:11 pm
โดย o_lekpn
เข้าใจอาจารย์ครับ ผมก็ติดตามข่าวนี้อยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าจะได้คืนป่าว :-)

แต่ยัง งง เรื่องการรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณท์น่ะ :(

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 1:27 pm
โดย ("\(*-*)/")
lekpn เขียน:เข้าใจอาจารย์ครับ ผมก็ติดตามข่าวนี้อยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าจะได้คืนป่าว :-)

แต่ยัง งง เรื่องการรักษาความปลอดภัยของพิพิธภัณท์น่ะ :(


ก็นั่นล่ะซิคุณเล็ก

ขนาดพิพิธภัณฑ์จ้อยๆ ของผม ผมยังติด Motion Detector ต่อไซเรนรอบตึกพร้อมแบตสำรองตั้งหลายจุด ถ้าใครไปพิพิธภัณฑ์ผม สังเกตุดีๆ จะเห็นตามมุมจะมีไฟแดงๆ ขึ้นมาเวลาเราเคลื่อนที่ผ่าน (เพียงแต่ผมปิดระบบไว้เพื่อไม่ให้มีเสียง แต่ระบบจับความเคลื่อนไหวก็ยังทำงานของมันตลอด 24 ชั่วโมง) จริงๆ แล้วผมเองยังติด Heat Detector ไว้จับความร้อนจากร่างกายคนที่เข้ามาตรงบางจุดที่ล่อแหลมอีกด้วยซ้ำ

ผมเองก็แปลกใจว่า...ทำไมยืมของสุดล้ำค่าของคนอื่นมาจัดแสดง แต่ระบบความปลอดภัยถึงได้แย่ขนาดนี้ จริงๆ แล้ว ถ้ามืออาชีพทำพิพิธภัณฑ์จริงๆ เขาต้องหามาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดเช่นการใช้ระบบ Weight Detector ต่อกับระบบไฟฟ้าและเซลแบตแห้งกรณีดจรตัดสายจ่ายไฟหลัก โดยการวางลูกปัดทุกเม็ดบนฐาน Weight Detector พร้อมกับ set ระบบให้ร้องทันทีที่ของถูกยกออกจากฐาน แต่นี่ไม่มี แถมมีแค่กล้องวงจรปิดที่มองไม่ชัดซะอีก

ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของลูกปัดด้วยครับ
ส่วนไอ้หัวขโมย ถึงแม้ได้ลูกปัดไปก็ไม่มีความสุข เพราะการได้มาแบบนี้ ความผิดที่ฝังในจิตใจย่อมตามหลอกหลอนจนวันตายล่ะครับ

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 3:06 pm
โดย o_lekpn
อยากรู้ว่า ถ้าตามไม่ได้จริงๆ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ :shock:

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 8:15 pm
โดย o_โค้ก โคราช
:D เป็นแบบไหนหรือครับ ลูกปัดสุริยเทพ ใช่ลูกปัดบ้านเชียงหรือเปล่าครับ :D

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 9:18 pm
โดย superpunch
โค้ก โคราช เขียน::D เป็นแบบไหนหรือครับ ลูกปัดสุริยเทพ ใช่ลูกปัดบ้านเชียงหรือเปล่าครับ :D

รูปภาพรูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 9:25 pm
โดย o_โค้ก โคราช
:D เข้าใจแล้วครับ :D

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 06, 2009 9:39 pm
โดย o_น้ำมะเน็ด
พิพิธภัณฑ์น่าจะต้องมีระบบความปลอดภัยระดับหนึ่ง
เกรงว่าเกลือเป็นหนอน :(
คนได้ไปก็เอาไปโชว์ใครไม่ได้ แล้วจะมีความสุขตรงไหน :(
สงสารเ จ้าของจริงๆ

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 12:39 am
โดย o_PAO
เคยดูสารคดีของพาโนรามาเรื่องลูกปัดคลองท่อมครับ ที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเก่าแก่ของภาคใต้เลย

คนโลภมีอยู่ทุกที่เลย :(

โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 12:56 am
โดย o_noneonly
มาร่วมถอนหายใจด้วยคน :(

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 10, 2009 9:33 pm
โดย o_coke_lover
ได้ฟังข่าวแล้ว เซ็ง เลยครับ...ขอให้ ตาม คืนมาให้ได้นะครับ แบบนี้ ผม ว่าโดน ใบสั่ง ชัวร์ :( :( :(

ปล. ถ้าว่างเสาร์นี้ จะ ไป เก็บ ภาพ มาฝาก ครับ :)

โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 15, 2009 6:13 pm
โดย o_K_chang
ข่าวล่าสุดที่ออกมาก็บอกว่าได้คืนแล้ว โดยจดหมายลึกลับที่ไม่จ่าหน้าผู้ส่งตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะเป็นของจริงหรือไม่ แต่ผมว่าขอให้มันใช่ทีเถอะ ตอนนี้เจ้าของลูกปัดเริ่มมีคนมองว่าสร้างข่าว หรือสร้างสถานการณ์หรือเปล่า ซึ่งท่านก็ออกมาปฏิเสธเต็มที่ ซึ่งคิดว่าคงจะตามตัวผู้ส่งจดหมายยากมาก เพราะตราประทับที่ระบุไว้นันระบุที่ไว้ก็จริง แต่ตู้มันก็เยอะ แล้วเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์ในการแกะดูอย่างเด็ดขาด

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 16, 2009 12:27 am
โดย o_noneonly
โห... ถ้าเป็นแบบที่อ่านมาจริง คนคนนี้ ... (จะเรียกว่าอะไรดี) :(

ชอบลายเซ็นต์ ของ K_CHANG อันนี้จัง :grin: :smile:
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 16, 2009 1:00 am
โดย o_PAO
ข่าวก่อนหน้าที่จะได้ลูกปัดคืน ลองอ่านกันดู :-)


หมอบัญชาปัดปลุกกระแส"ลูกปัดสุริยเทพ"

คมชัดลึก :ผู้เชี่ยวชาญชี้ "ลูกปัดสุริยเทพ" แค่หน้าคนธรรมดา ฟันธงไม่ใช่ของหายากพบในตลาดสากล ยันมีค่าแค่หลักหมื่น ด้านหมอบัญชาปัดปลุกกระแส ย้ำสนใจคุณค่ามากกว่าราคา ตร.ภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยแจกทั่วกรุง


ยังคงเป็นปริศนาสำหรับการสูญหายไปของลูกปัดที่ชื่อ "สุริยเทพ" จากงานแสดงนิทรรศการชั่วคราวปริศนาแห่งลูกปัด ณ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นที่มาและมูลค่า !?!


ถึงแม้ นพ.บัญชา พงษ์พานิช ผู้นำลูกปัดมาจัดแสดง ยืนยันถึงแหล่งที่มาและความสำคัญในแง่ของสิ่งของหายาก แต่ในสายตาของพ่อค้าลูกปัดและผู้ที่หลงใหลกับศิลปะชนิดนี้กลับมองว่าอาจจะเป็นเพียงแค่ "ลูกปัดหน้าคน" ธรรมดาๆ เท่านั้น

"ผมเคยไปดูงานปริศนาแห่งลูกปัดมาแล้ว น่าจะเป็นลูกปัดหน้าคนมากกว่า เป็นอารยธรรมของชาวฟีนิเซียน (The Phoenicians) หรือชาวกรีกที่อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านซีเรีย" ประเสริฐ อิสรากำพต พ่อค้าของเก่าผู้หลงใหลลูกปัดโบราณ ให้ความเห็น

ประเสริฐ อธิบายว่า ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านซีเรียเคยเป็นแหล่งกำเนิดเครื่องแก้วเมื่อราวๆ 500 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันคือประเทศซีเรีย เลบานอน และบริเวณใกล้เคียง เป็นพวกพ่อค้าทางทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกโบราณ ลูกปัดหน้าคนเป็นของมีค่าของชาวฟีนิเซียน ใช้แลกสินค้าและซื้ออิสรภาพ มีเอกสารระบุในคัมภีร์ไบเบิลว่าชาวฟีนิเซียนเคยเดินทางมายังเอเชีย สอดคล้องกับการพบลูกปัดหน้าคนของชาวฟีนิเซียนในประเทศไทย ซึ่งนำมาแลกเปลี่ยนของมีค่า เช่น งาช้าง หนังสัตว์ ไม้กฤษณา รวมถึงแร่สังกะสี นำไปทำเครื่องสัมฤทธิ์ที่เลื่องชื่อ เป็นต้น

ส่วนที่กล่าวกันว่าอาจมีการผลิตที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ นั้น ประเสริฐ บอกว่า ยังไม่มีหลักฐานค้นพบโรงผลิตแก้ว ลูกปัดโบราณในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นแค่สีพื้นธรรมดา ไม่ได้มีลวดลายสลับซับซ้อนเหมือนลูกปัดหน้าคน ทำให้สันนิษฐานได้ว่าลูกปัดหน้าคนที่พบในเมืองไทยเป็นลูกปัดแก้วที่มาจากพื้นที่อื่น โดยลูกปัดหน้าคนจะทำเป็นรูปสัญลักษณ์แทนนักรบ เทพเจ้า คล้ายความเชื่อในการสร้างพระเครื่องของไทย

"ชาวฟีนิเชียนนับถือเทพีสุริยะที่เป็นผู้หญิง ไม่ใช่เทพเจ้าที่เป็นผู้ชาย จากหลักฐานการใช้ภาษาอังกฤษที่พูดถึงเทพของชาวฟีนิเซียนว่า She ไม่ใช้ He โดยมีความเชื่อว่าลูกปัดหน้าคนจะช่วยป้องกันภัย หรือเป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงาม ผมเคยมีลูกปัดหน้าคนแบบรูปหัวใจ แต่ขายไปแล้วในราคา 3 หมื่นบาท ก็คิดว่าน่าจะเป็นลูกปัดหน้าคน เป็นรูปเทพีแห่งความรักตามความเชื่อของชาวฟีนิเซียน" ผู้หลงใหลลูกปัดโบราณ แสดงทัศนะ

ก่อนหน้านี้ นพ.บัญชา พงษ์พานิช ผู้นำลูกปัดที่ใช้ชื่อว่า สุริยเทพ มาจัดแสดงที่มิวเซียมสยาม เคยออกมายืนยันถึงแหล่งที่มาและความสำคัญในแง่ของสิ่งของหายาก มีลักษณะเป็นลูกปัดแก้วโมเสกชิ้นเล็กและประณีต ในระดับโลกเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการขั้นสูงในสมัยโบราณ ที่สามารถผลิตแก้วแล้วใส่สีและลายได้เช่นนี้ ที่ผ่านมายังไม่เคยพบในแหล่งใดในโลกมาก่อน พบเพียงที่คลองท่อมแห่งเดียวเท่านั้น

ที่สำคัญเท่าที่พบเห็นมีการประมาณการว่าน่าจะมีไม่เกิน 50 เม็ด โดยลูกปัดสุริยเทพที่ นพ.บัญชาเคยพบเห็นที่คลองท่อมมีอยู่ประมาณ 10 เม็ด มีทั้งสภาพสมบูรณ์และแตกหักผุกร่อน โดยเม็ดที่นำมาแสดงและถูกโจรกรรมไปนั้น เป็นลูกปัดที่สวยสมบูรณ์มากที่สุด ในพิพิธภัณฑ์ที่อเมริกามีอยู่ 1 เม็ด แต่ซื้อไปจากคนไทย

"เมื่อมีการขุดพบ ชาวบ้านที่คลองท่อมมองแล้วคล้ายกับหน้าคนอินเดียนแดง จึงเรียกชื่อลูกปัดอินเดียนแดงอยู่ระยะหนึ่ง แล้วมาเปลี่ยนชื่อเป็นสุริยเทพ เพราะมองอีกแบบก็เหมือนรูปแสงพระอาทิตย์ ประกอบกับมีความเชื่อเรื่องเทพพระอาทิตย์" นพ.บัญชา กล่าว

แต่กระนั้น ประเสริฐ ก็ยังมองว่า น่าจะเป็นเพียงลูกปัดหน้าคนที่พบเห็นได้ในตลาดสากล เพียงแต่ในเมืองไทยพบได้น้อยเท่านั้นเอง ซึ่งลูกปัดหน้าคนลักษณะนี้มีการออกแบบแบบธรรมดา หากเทียบเคียงกับลูกปัดหน้าคนที่ประมูลอยู่ที่สถาบันประมูล คริสตี้ นิวยอร์ก จะมีราคาประมูลอยู่แค่หลักหมื่นเท่านั้น

"ผมศึกษาเรื่องลูกปัดโบราณมากว่า 20 ปีแล้ว มันมีเสน่ห์ รูปทรงแปลกดี มันเป็นอาร์ต ที่สำคัญราคามันดี" ประเสริฐ กล่าว

ด้วยความที่ ประเสริฐ เคยไปศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่มัธยมปลาย จึงซึมซับกระแส "ลูกปัดโบราณฟีเวอร์" ของชาวอเมริกันเป็นอย่างดี จากการศึกษาลูกปัดโบราณผ่านตำราภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น รวมถึงพ่อค้าลูกปัดโบราณทั่วโลก ทำให้ทราบว่าลูกปัดหน้าคนที่เป็นที่นิยมของนักสะสมมี 3 แบบ คือ 1.ทรงแบน มี 2 หน้า 2.ทรงกลม มีหลายหน้า และ 3.แบบที่มีรูปทรงแปลกๆ จะมีมูลค่าในตลาดโลกมากที่สุด

"ตลาดใหญ่ของลูกปัดรูปคนอยู่ที่อเมริกาและญี่ปุ่น เวลาเขาจะซื้อขายกันก็จะเดินทางไปยังแหล่งขายโดยตรง จะไม่ซื้อขายผ่านเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2542 สถาบันประมูลคริสตี้ นิวยอร์ก เปิดประมูลแล้วมีผู้ประมูลลูกปัดหน้าคนที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดไปครอบครอง ด้วยราคาประมูลสูงสุด 8.7 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4 ล้านบาท"

ปัจจุบัน ประเสริฐ มี "ลูกปัดหน้าผี" (Demon pendant head bead) อยู่ในความครอบครอง แม้จะไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เท่าใดนัก แต่ก็มีมูลค่าสูงถึง 3 แสนบาท เนื่องจากลูกปัดหน้าผีจะหายากกว่ารูปปัดหน้าคน และก่อนหน้านี้เคยขายลูกปัดรูปแพะให้นักสะสมชาวญี่ปุ่นที่บินตรงมาซื้อมูลค่า 4 แสนบาทด้วย

ด้าน นพ.บัญชา พงษ์พานิช ยังคงยืนยันถึงคุณค่าของลูกปัดที่สูญหายไป ราคาประเมินอยู่ที่ 1.5 แสนบาท ไม่สูงไปกว่านี้ แต่ไม่อยากให้พูดถึงเรื่องราคา อยากให้สนใจในคุณค่าของลูกปัดมากกว่า ส่วนกรณีข้อคิดเห็นของเซียนลูกปัดโบราณว่าสมัยโบราณมีการนับถือเทพีไม่ใช่เทพนั้น นพ.บัญชา บอกว่า ไม่ทราบ แต่ยังคงยืนยันตามเอกสารที่ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ส่วนกรณีที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการสร้างกระแสขายหนังสือ "รอยลูกปัด" ที่กำลังวางแผงอยู่ขณะนี้ นพ.บัญชา ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่สร้างกระแส แต่ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง เพราะของหายก็ส่วนของหาย นิทรรศการก็มีอยู่แล้ว และหนังสือก็เขียนออกมาจริง แต่คงไม่มีใครอยากให้ของหายไป ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดีก็ให้พิพิธภัณฑ์เป็นผู้รับผิดชอบไป

ส่วนความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่โจรกรรมลูกปัดสุริยเทพ ไปจากสถาบันพิพิธภัณท์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือมิวเซียมสยามนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้นำพยานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด นำมาประกอบกันและออกภาพสเก็ตช์บุคคลต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายที่โจรกรรมลูกปัดไป

"ลักษณะรูปพรรณของผู้ต้องสงสัย เป็นชายไทย อายุประมาณ 30-35 ปี รูปร่างท้วม ใบหน้ากลมผิวไม่เรียบ ผิวเนื้อดำแดง สูงประมาณ 175 เซนติเมตร โดยได้ส่งภาพสเก็ตช์ไปตาม สน.ต่างๆ เพื่อติดตามนำตัวมาสอบสวนแล้ว" พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าว

ผบช.น.กล่าวด้วยว่า ภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยรายนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายตัวจริง ซึ่งตำรวจจะได้ติดตามมาสอบสวน หากพบว่าเป็นคนร้ายจริงก็จะออกหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และเชื่อว่าคงจะได้ตัวในไม่ช้านี้


http://www.komchadluek.net/detail/20090 ... B8%9E.html