ก๊อบจากในบล๊อกมานะครับ อิอิ
ร้านซักรีดที่ว่านี้ก็คือบ้านเก่าของผมเองครับ ชื่อร้าน เซ่เหย่นติน อยู่ที่ชุมชนหลังโรงพยาบาลวชิร ถนนสุโขทัย อยู่ติดกับวังสุโขทัยสามเสนยังไงล่ะครับ แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านหลังนี้แล้วครับ เพราะถูกเวณคืนที่โดยสำนักงานทระพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผมอยู่ที่บ้านหลังนั้นมาตั้งแต่เกิด จนถึงปี พ.ศ. 2537 ก็ย้ายกันออกมาครับ โดยที่บ้านหลังเก่านั้นเปิดเป็นร้านซักรีด ตั้งแต่สมัยที่ย่าผมยังสาว (คนแถวนั้นเรียกโต้ซักรีด) ป๊ากับอายังเด็กๆ อาๆทั้งหลายก็ต้องตื่นแต่เช้ามาซักผ้า ที่คนในชุมชนแถวนั้นมาส่งให้ซัก ด้านบนของบ้านชั้นสองจะต่อเติมเป็นเพิงไม้อาไว้ตากผ้า ผมเคยขึ้นไปเล่นกับพี่ชายผมกระโดดเล่นกันสะเทือนจนสังกะสีแทบพัง ฮาๆ แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของบ้าน (โอว..วิชาการมาก) ก็ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง ปัจจุบันไม่ได้เปิดแล้วครับ เลิกกิจการตั้งแต่ย้ายบ้านออกมา ส่วนหลักฐานที่ผมไปเจอมาชิ้นแรกจากการไปรื้อโต๊ะเครื่องแป้งของย่าผมก็คือ ตั๋วของร้านครับ เหลืออยู่ปึกนึงประมาณห้าสิบกว่าใบ อายุโดยประมาณไม่เท่าอายุผมก็มากกว่าผมน่ะแหละ
อ่ะมาสแกนดูกันชัดๆเลยดีกว่า
แต่ในตั๋วนี้ผมชอบอยู่ประโยคนึงคือ จำตั๋วไม่จำคน ฮาๆ
ส่วนป้ายของร้านจะมีอยู่สองรุ่น เอารุ่นที่ผมเห็นตั้งแต่จำความได้ก่อนล่ะกันครับ จะเป็นอะคริลิคติดตัวหนังสือ
ผมก็เลยลองไปค้นดูจากอัลบั้มรูปเก่าๆคิดว่าน่าจะมีภาพที่ถ่ายอยู่หน้าบ้านโดยเห็นป้ายนี้อยู่ก็ไปค้นเจอเพียงรูปเดียว
รูปนี้ถ่ายเมื่อ 16 สิงหาคม 2535 คนซ้ายผมเอง(ตอนนั้น 10ขวบ) คนขวาพี่ชายผม ส่วนตู้สองใบที่อยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาคือตู้เสื้อผ้าที่เอาไว้ใส่เสื้อผ้าของคนที่มาใช้บริการที่ร้าน ปัจจุบันตู้นี้ ถูกชำแหละ เป็น โต๊ะ ตู้ เตียง ต่างๆไปแล้ว รวมทั้งบางส่วนก็เอามาทำตู้ของเล่นของผม เสื่อ กับมอเตอร์ไซยามาฮ่าเบล ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่นะครับ ยังอัดได้เกือบร้อยอยู่เลย ส่วนดรีม(ที่เห็นแต่เบาะ) ทุกวันี้ป๊าผมก็ยังใช้อยู่
ป้ายต่อมา อันนี้รุ่นเก่าครับ ผมเกิดไม่ทันจริงๆ เป็นแผ่นไม้ เขียนด้วยสีแดง
จากนั้นก็ผมก็ไปรื้อดูรูปเก่าๆอีกล่ะ เผื่อจะเห็นป้ายนี้บ้าง ก็ไปเจออยู่สองรูปครับ แต่เห็นแค่นิดเดียวเอง ผมใช้ photoshop ปรับสีเอาน่ะครับ เพราะภาพเก่ามากๆสีส้มแดงๆ
ลองสังเกตที่มุมซ้ายบนของรูปดีๆสิครับ จะเห็นป้ายอยู่ ส่วนในภาพเด็กสามคนข้างหน้าไม่รู้ใคร ส่วนด้านหลังซ้าย ย่าผม ถัดมาก็อาผมทั้งสองคน ทุกวันนี้ป้ายทั้งสองอันก็ติดอยู่ที่ฝาผนังบ้านที่ผมอยู่ปัจจุบันนี่แหละครับ
ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ย่าผมเอง ข้างๆก็จะเป็นโต๊ะรีดผ้าลองดูข้างๆตัวย่าผมดีๆ จะเห็นเตารีดอยู่นะครับ ถ้าเทียบกับภาพบนแล้ว โต๊ะรีดผ้าจะเป็นไม้อยู่ แต่ภาพนี้เป็นเหล็กฉาก ส่วนที่รองรีดก็เป็นผ้าดิบ สองภาพบนถ่ายมื่อปี 2521
ร้านซักรีดก็ต้องมีเตารีดใช่ไหมครับ ผมไปควานหาจนเจอล่ะ ไปเจอแอบซ่อนอยู่ในห้องพระน่ะเอง เป็นเหล็กอ่ะครับ ด้านจับเป็นไม้
น้ำหนักชั่งได้ 7 กิโลพอดี (ย่าผมบอกว่าแขนขวาใหญ่กว่าซ้ายเพราะยกรีดทุกวัน)หนักเหมือนกันนะเนี่ยถ้าหลุดตกใส่ขาล่ะไม่อยากจะคิดเหล็กทั้งดุ้น ตันๆไม่มีกลวง วิธีใช้ก็เอาไปวางในเตาถ่านครับ รอให้ร้อนๆได้ที่ ก็เอามานาบกับใบตองก่อน เพื่อให้ลดความร้อนลงและให้รีดได้ลื่นขึ้น
นี่แหละครับ ร้านซักรีดที่เคยหล่อเลี้ยงทุกชีวิตในบ้าน แม้ว่าจะมีหลักฐานหลงเหลืออยู่น้อยนิด แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ฟัง ได้ดูและรับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของบ้านเรา ของครอบครัวเราเอง ...................
จบล่ะคร๊าบ