สวัสดีครับ วันนี้เอเชียนเกมส์ จะเริ่มแล้ว จำง่ายๆ ปีไหนมีบอลโลก ปีนั้นมีเอเชี่ยนเกมส์
ก่อนจะย้อนรำลึกความหลังกับ "กีฬาแห่งความสมานสามัคคีของชาวเอเชีย"
กระผมขออัญเชิญ พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงครั้งเมื่อทรงจุดไฟเอเชี่ยนเกมส์
เมื่อ ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 6
และ พระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเทพฯ ทรงกีฬาแชร์บอล เป็นภาพเปิดกระทู้นี้
เพื่อเป็นศิริมงคลครับ

กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ มหกรรมกีฬาของทวีปเอเชีย เพื่อสื่อสัมพันธไมตรีของชาวเอเชีย
จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2494 [ค.ศ.1951]
ภายใต้สัญลักษณ์ ดวงอาทิตย์ อยู่เหนือ วงกลมยี่สิบวงคล้องกัน
ด้วยความหมายว่า "ความสมานสามัคคีในชาติเอเชีย ยี่สิบประเทศ (ในสมัยนั้น)"
และมีข้อความว่า "Ever Onward"
แปลว่า "ก้าวหน้าไปให้สุดแสนไกล ไม่มีสิ้นสุด"

ประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ตั้งแต่ต้น
โดย ในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรก 2494 [1951] มีกีฬาอยู่ 6 ชนิด คือ
กรีฑา บาสเก็ตบอล จักรยาน ว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก และ ฟุตบอล
ไทยเราเข้าร่วมเพื่อความสามัคคี และเป็น หนึ่งใน สิบเอ็ดชาติที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าที่หนึ่งของเอเชี่ยนเกมส์

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่สอง จัดที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ 2497 [1954]ประเทศไทย เข้าร่วมเพื่อความสามัคคีอีกเช่นเคย

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่สาม ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 2501 [1958]
ประเทศไทยได้เหรียญรางวัลเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ จากการแข่งขันปืนสั้นยิงช้า 50 เมตร
เป็นเหรียญเงิน จากฝีมือลั่นไกของ อมร ยุกตะนันท์
แถมท้ายอีก 3 เหรีญทองแดง จาก มวยสากล และ ปีนสั้นยิงเร็ว

..."จุดคบเพลิงครั้งแรก" ในอชก.ที่โตเกียว

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่สี่ ที่กรุงจาร์การ์ตา อินโดนีเซีย 2505 [1962]
หลังจากเราคว้าเหรียญรางวัลกลับมาเพาะพันธุ์
ครั้งนี้ไทยก็คว้าเหรียญทองเหรียญแรกในประวัติศาสตร์
จากกีฬาจักรยาน ประเภทถนน 159 ก.ม.
โดยการปั่นของ ถาวร จีรพันธ์
ว่ากันว่า...จักรยานเสือหมอบที่ลุงถาวรใช้แข่งขันนั้น
แทบจะไม่แตกต่างจากจักรยานราเล่ย์ที่แม่บ้านใช้ถีบไปจ่ายกับข้าวเท่าใดนัก

และปิดท้ายมาอีกหนึ่งเหรียญทอง จากมวยสากลรุ่นเฟเธอร์เวท โดย สัมพันธ์ พยนตรัตน์

หลังจากคบเพลิงเอเชี่ยนเกมส์ได้ลุกโชนในสี่ประเทศ คือ
อินเดีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และ อินโดนีเซีย ไปแล้ว
คราวนี้ก็ถึงทีของ "บางกอก" จะได้เป็นเจ้าภาพ เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ห้า กันบ้างละครับ
ดูเอาเถิดว่า คนไทยตื่นเต้นแค่ไหน กับการได้เป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์หนแรกเมื่อ พ.ศ. 2509[1966]

เราปรับปรุงสนามศุภ.ให้สามารถจุคนดูได้ 30,000 ที่นั่ง
สร้างสนามอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก สร้างหมู่บ้านนักกีฬาที่คลองจั่น
และสร้างสระว่ายน้ำที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และการแข่งขันครั้งนั้น นอกจากจะทำให้คนไทยภูมิใจกับการได้เป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรกแล้ว
คนไทยยังได้ภาคภูมิใจกับ "ทีมจักรยาน ของอาจารย์เสรี ไตรรัตน์" ซึ่งอาจารย์แกได้ฟอร์มทีมขึ้นมา
อย่างตั้งอกตั้งใจ และทำให้ธงไตรรงค์ได้โบกสะบัดบนยอดเสาถึงหกครั้ง
จากสี่เหรียญทองของศิษย์เอกที่ชื่อว่า "ปรีดา จุลมณฑล"
และอีกสองเหรียญทองของ สมัยศึก กฤษณะสุวรรณ และ ไพโรจน์ รุ่งทนต์กิจ

สรุปว่าเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ห้าที่กรุงเทพฯ 2509 [1966]
ไทยกวาดไป 12 ทอง/13เงิน/11ทองแดง
เหรียญทองจาก จักยาน 6/มวยสากล3/แบดมินตันทีมชาย1/ยิงปืน1 เหรียญทอง

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งนั้น มีเพลงฮิตติดปากคนไทยเพลงนึง
จำได้แต่ท่อนนำว่า "โอ เอเชียนเกมส์ โอ เอเชียนเกมส์....."
และเพลงมาร์ชเอเชียนเกมส์ที่มีเนื้อเพลงกินใจว่า...

ประดับเด่นเห็นเป็นธงห่วง
นั่นหรือคือบ่วงโอบพวกเรา
จะอยู่ที่ไหนมาลำเนา
เพียบพร้อมรวมเหล่าเผ่ากีฬา
ทุกชาติภูมิใจจำรูญ
ที่ได้เป็นศูนย์ชาวบูรพา
โลกนิยมสมญา คือ เอเชี่ยนเกมส์.....

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่หก จะจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลี แต่เกิดสงครามเกาหลีขึ้นเสียก่อน
ญี่ปุ่นที่พร้อมที่สุดก็ปฏิเสธเพราะว่า กำลังเตรียมจัดงานแสดงสินค้าโลก EXPO1970
ดังนั้น ไทยจึงได้เป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ เบิ้ลเป็นหนที่สอง และ ได้รับฉายา"จอมเจ้าภาพ"อย่างไม่เป็นทางการ


เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่หก ที่กรุงเทพฯ 2513 [1970]

เวทีนี้เป็นที่แจ้งเกิดของ "นักวิ่งลมกรด" อาณัติ รัตนพล เพราะอาณัติคว้าไป 2 เหรียญทอง
จาก วิ่ง200 เมตรชาย และวิ่งผลัด 4x100 เมตรชาย (อาณัติ/พนัส อรยะมงคล/กนกศักดิ์ เจตะสานนท์/สมศักดิ์ ทองสุข)
กับอีก 1 เหรียญเงิน จากวิ่ง 100 เมตรชาย

สรุปทีมไทยคว้า 9 เหรียญทอง จาก
กรีฑา 2 ทอง (อาณัติ/ทีมผลัด)
มวยสากล 2 ทอง(บรรเทา ศรีสุข/มานิตย์ ตรีอสรุณลักษณ์)
จักรยาน 3 ทอง (เกรียงศักดิ์ วราวุฒิ สองเหรียญ และ ไชยณรงค์ โสภณพงษ์)
ยิงปืน 1 ทอง (ทีมชาย..ชวลิต กมุทชาติ/เสริม จารุรัตน์/อุดมศักดิ์ เทียนทอง/ปรีดา เพ็งดิษฐ์)
เรือใบ 1 ทอง (พระองค์เจ้า พีระพงศ์ ภาณุพันธ์ และ ชายาหม่อมอรุณี)

หลังเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ อาณัติดังมากครับ
ดังจนมีผู้กำกับหนังไทย สร้างหนังรื่อง "คนใจบอด"
เป็นหนังชีวิตที่แม่มาเล่าเรื่องให้จิตแพทย์ฟังว่า มีลูกอยู่กี่คน แต่ละคนไปทำอะไร
สมจิตร ทรัพย์สำรวย (เมียป๋าต๊อก)เล่นเป็นแม่ และ ลุงสมบัติ เมทะนี เล่นเป็นจิตแพทย์

แต่ที่เฮกว่านั้น และเรียกคนดูเต็มโรงทุกรอบก็คือ คนที่รับบท ลูกโจร ของป้าสมจิตรนี่สิครับ
นำแสดงโดย อาณัติ รัตนพล นักวิ่งลมกรดขวัญใจชาวไทย ลุงอาณัติในเรื่องนั้น มีอาชีพวิ่งราว
แต่ท้ายที่สุดก็เสร็จตำรวจจนได้ เพราะตำรวจที่ปั่นจักรยานไล่จับโจรวิ่งราว นำแสดงโดย...
ลุงปรีดา จุลละมณฑล นั่นเอง

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่เจ็ด ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน 2517 [1974]



หนนี้ ลุงอาณัติ ยังดังไม่เลิกครับ ลุงอาณัติคว้าอีก 3 เหรียญทองจาก..
วิ่ง 100 เมตรชาย /วิ่ง 200 เมตรชาย และวิ่งผลัด 4x100 เมตรชาย ร่วมกับ
กนกศักดิ์ เจตะสานนท์ สมศักดิ์ บุญทัต
และ ลมกรดดาวรุ่งชื่อ สุชาติ แจสุรภาพ(ซึ่งได้ 1 ทองแดงจาก100เมตร)
(ทีมผลัดชุดนี้ถือเป็นชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาไทย)

สรุปครั้งนี้ไทยได้ 4 เหรียญทอง จาก กรีฑา 3 ทอง
และ ปืนสั้นอัดลมทีมชาย (วิชิต เชี่ยวเวช/รังสิต ญาโนทัย/พรหมา สานะเสน/บริบูรณ์ วุฒิภักดี)

...สุชาติ แจสุรภาพ ลมกรดดาวรุ่ง

เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่แปด จะจัดที่ประเทศปากีสถาน แต่เกิดปัญหาการเมืองภายในประเทศ
ดังนั้น "จอมเจ้าภาพ" จังต้องเป็นเจ้าภาพอีกครั้งหนึ่ง



เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่แปดที่กรุงเทพฯ 2521 [1978]

ครั้งนี้ไทยได้เปิดใช้สระว่ายน้ำจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สำหรับแข่งว่ายน้ำ
และครั้งนี้เราก็ได้เหรียญทองเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของกีฬาว่ายน้ำมาเชยชม
เหรียญนี้ทำได้โดยเด็กผู้หญิงอายุแค่ 15 ปี ชื่อว่า รัชนีวรรณ บูลกุล



เอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งที่น่าจดจำ เพราะว่า ไม่ใช่มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่คว้าเหรียญทองได้
แต่ ผู้หญิงก็สามารถคว้าเหรียญทองให้ประเทศไทยได้ถึง 6 เหรียญ คือ...
รัชนีวรรณ บูลกุล จากว่ายน้ำฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง
สุทธาศินี ศิริกายะ จากเทนนิสคู่ผสม (เหรียญทองแรกของวงการเทนนิสโดยเล่นคู่กับ จารึก เฮงรัศมี)
อุษณีย์ เล่าปิ่นการณ์ คว้า 2 เหรียญทองจาก วิ่ง200 เมตรหญิง และ วิ่งผลัด 4x100 เมตรหญิง (แถมด้วย 1 ทองแดงจาก วิ่ง 100 เมตรหญิง)
ทีมวิ่งผลัด 4x100 เมตรหญิง (อุษณีย์ เล่าปิ่นการณ์/วัลภา พินิจ/ผุสดี แสงวิจิตร/บุษปราณี รัตนพล)
ทีมโบว์ลิ่ง 3 คนหญิง(อนันฑิตา หงส์โสภณ/พรทิพย์ สิงหะ/อรวรรณ นิธินวกร)
ทีมโบว์ลิ่งหญิงคู่(อนันฑิตา หงส์โสภณ/ตุ๊ อรุณประสิทธิ์)

บรรยายภาพ:
วัลภา พินิจ (คนทางขวาแถวบน) และ ผุสดี แสงวิจิตร (คนทางขวาแถวล่าง)

สำหรับทีมกรีฑาชายครั้งนี้ "นักวิ่งลมกรด" ลุงอาณัติ รัตนพล ของเรากลายเป็นนักวิ่งอาวุโสไปเสียแล้วครับ
เพราะนี้คือ เอเชียนเกมส์สมัยที่สามของลุงแก...ซ้อมวิ่งมาแล้วตั้ง 12 ปีเต็มๆ
ขนาด"คู่แฝดลมกรด" ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมวิ่งผลัด ยังกลายมาเป็นโค้ชไปแล้ว คิดดูเหอะ
แต่กระนั้น ลุงอาณัติ ยังสั่งลาเอเชี่ยนเกมส์หนสุดท้ายของท่าน "อย่างหรู" ด้วย หนึ่งทอง (ผลัด 4x100เมตร)และ หนึ่งทองแดง (200 เมตรชาย)

ส่วน"ดารา"ของเอเชี่ยนเกมส์หนนี้ ได้แก่ สุชาติ"ทายาทลมกรด" สุชาติแจสุรภาพ ครับ
เขาคว้า สองเหรียญทองจาก 100 เมตรชาย และ วิ่งผลัด 4x100 เมตรชาย
เป็นคู่ขวัญ กับ อุษณีย์ เล่าปิ่นการณ์ ที่คว้า สองเหรียญทองในกรีฑาหญิง

สรุปเหรียญทองของทีมชาติไทยในเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่แปด 11 เหรียญทอง ได้แก่

กรีฑา 100 เมตรชาย....สุชาติ แจสุรภาพ
กรีฑา 4x100 เมตรชาย...สมศักดิ์ บุญทัต ไม้สตาร์ท/สุชาติ แจสุรภาพ วิ่งทางโค้ง/
กนกศักดิ์ เจตะสานนท์ ไม้สาม/อาณัติ รัตนพล ควบทิ้งห่างเข้าเส้นชัย
กรีฑา 200 เมตรหญิง...อุษณีย์ เล่าปิ่นการณ์
กรีฑา 4x100 เมตรหญิง...อุษณีย์ เล่าปิ่นการณ์/ผุสดี แสงวิจิตร/บุษปราณี รัตนพล/วัลภา พินิจ
โบว์ลิ่ง 3 คนทีมชาย....สำราญ บานเย็น/มนตรี วิทิตสินี/เกษม นิมาลัย
โบว์ลิ่ง 3 คนทีมหญิง...อนันฑิตา หงส์โสภณ/พรทิพย์ สิงหะ/อรวรรณ นิธินวกร
โบว์ลิ่ง หญิงคู่..............อนันฑิตา หงส์โสภณ/ตุ๊ อรุณประสิทธิ์
ว่ายน้ำ ฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง...รัชนีวรรณ บูลกุล
เทนนิส คู่ผสม....สุธาศินี ศิริกายะ/จารึก เฮงรัศมี
มวยสากล...........ศิริ สุปัญญา
เรือใบ ซูเปอร์มด...ดำรงค์ ศิริสาคร

เวลาในช่วงนั้น ไม่ว่าชาติไหนก็กลัว "ใต้ฝุ่นไทย"