รถราง ...รถราง ...รถราง ...รถราง ...รถราง ...รถราง

กระทู้ข้อมูลต่างๆจากเวบบอร์ดเก่า สามารถตอบกระทู้ได้นะครับ

โพสต์โดย ("\(*-*)/") » จันทร์ ส.ค. 04, 2008 7:43 am

รถรางไฟฟ้าบางกอก ... เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจจริงๆ รถรางในยุคนั้นทำให้สยามเป็นที่เลื่องลือในความเจริญก้าวหน้า และจัดเป็นประเทศหนึ่งในเอเซียที่มีความเจริญก้าวหน้าและความโด่ดเด่นมาก

รถรางไฟฟ้าบางกอก... นับย้อนไปร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เมืองไทยหรือสยามของเราเคยมีรถรางวิ่งในบางกอกมาแล้ว ชาวสยามรุ่นคุณปู่คุณย่าคุณทวด คงจะจำได้ โดยเฉพาะบริเวณสนามหลวง ท่าพระจันทร์ จะมีรถรางไฟฟ้าวิ่งผ่านไปมา เวลาวิ่งผ่านหน้าวัดพระแก้วคนขับจะสั่นกระดิ่งดังเก๊งๆ ๆ ให้คนที่เดินไปเดินมาหลีกทาง...เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจจริงๆ รถรางในยุคนั้นทำให้สยามเป็นที่เลื่องลือในความเจริญก้าวหน้า และจัดเป็นประเทศหนึ่งในเอเซียที่มีความเจริญก้าวหน้าและความโด่ดเด่นมาก ประวัติความเป็นมาของรถรางในสยามนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าจะมีการค้นคว้า เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับทราบ ในฐานะที่ผู้เขียนได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในดินแดนที่เป็นต้นตำรับรถรางในยุโรป และมีความเกี่ยวดองกับกิจการรถรางของไทย จึงขอนำข้อมูลส่วนหนึ่งของประวัติรถรางไทยที่ได้รับจากผู้รู้ในเบลเยี่ยมท่านหนึ่งมาเสนอ ประกอบกับรถรางเบลเยี่ยมยังคงเป็นสิ่งคู่บ้านคู่เมืองของชาวเบลเยี่ยม การระลึกถึงกิจการรถรางไทยจึงให้สีสันและจินตนาการที่เป็นรูปธรรมดียิ่ง

รถรางที่วิ่งกันในบางกอกในสมัยดังกล่าวนั้น ตามประวัติรถรางไทยจากหนังสือ The modern tram way เล่มที่ 18 ฉบับที่ 212 ปี ค.ศ. 1955 ได้ระบุว่าสยามมีรถรางไฟฟ้าวิ่งอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1893 ซึ่งนับว่าเป็นประเทศแรกในเอเซียที่มีรถรางไฟฟ้า กิจการรถรางได้ดำเนินกิจการมาจนถึงปี ค.ศ. 1968 ก่อนที่จะถูกยกเลิกไป รวมเวลา 75 ปีทีเดียว

ในช่วงปี 1912 กิจการรถรางในสยามอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท Siam Electricity and Cy บริษัทของเบลเยี่ยม ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาลและดำเนินกิจการด้านไฟฟ้าด้วย กิจการของบริษัทเบลเยี่ยมดังกล่าวเจริญรุ่งเรืองและทำกำไรอย่างงดงาม ว่ากันว่าในบรรดาบริษัทเบลเยี่ยมในเครือที่อยู่ในประเทศต่างๆ บริษัทในสยามมีผลประกอบกิจการที่กำไรมากที่สุด อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 1930 เป็นต้นมา โดยเฉพาะหลังรัฐประหาร ปี 1932 กิจการรถรางและไฟฟ้าเบลเยี่ยมก็ถูกกระแสชาตินิยมและการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะจากกิจการรถเมล์ ยังผลให้กิจการรถรางไฟฟ้าต้องสิ้นสุดลงในปี 1942 ซึ่งเป็นช่วงญี่ปุ่นยึดครอง ทั้งที่ระยะเวลาสัมปทานยังมีอยู่ถึง ปี 1949 กิจการรถรางไทยมาสิ้นสุดเมื่อปี 1968 โดยมีกิจการรถเมล์แทนที่ เบลเยี่ยมซึ่งเป็นประเทศผู้นำอุตสาหกรรมรถรางของยุโรปมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากที่สุดประเทศหนึ่งในถึงปัจจุบัน รถรางไฟฟ้านับเป็นระบบขนส่งมวลชนที่สำคัญของประเทศ ทำให้การคมนาคมของคนในเมืองต่างๆ สะดวกรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

รถรางในเบลเยี่ยมซึ่งถือว่าเป็นต้นฉบับรถรางในไทยนั้น หากใครได้ไปใช้บริการแล้ว ก็จะรู้ว่ามีคุณภาพและประสิทธิภาพที่เป็นหนึ่ง ไม่รองใครในยุโรปและหากจะกล่าวเป็นหนึ่งในโลกก็คงไม่ผิด เพราะบรรดาระบบรถรางไฟฟ้าในประเทศต่างๆ ในโลกในอดีต เช่น ในจีน อียิปต์ รัสเซียและในยุโรปหลายประเทศ ก็ล้วนเป็นฝีมือของช่างชาวเบลเยี่ยมที่ไปสร้างให้ทั้งนั้น รถรางในเบลเยี่ยมมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว เป็นต้นกำเนิดของระบบการขนส่งมวลชนในยุโรปก็ว่าได้ เริ่มดำเนินกิจการในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยการสนับสนุนของกษัตริย์ Leopold ที่ 2 และได้มีการพัฒนามาโดยตลอดทั้งรูปแบบและเทคโนโลยี จากตู้รถ 4 ล้อตัวตู้ทำด้วยไม้ มีรูปทรงเก่าๆ ลากด้วยม้าหนึ่งตัวหรือสองตัววิ่งช้าๆ รับส่งผู้โดยสารระยะใกล้ๆ จนมาถึงรถตู้เหล็กที่ใช้ไอน้ำ วิ่งบนรางและพัฒนาจนเป็นรถรางที่ใช้เครื่องจักรไฟฟ้าในปัจจุบัน

รถรางไฟฟ้าในเบลเยี่ยมมีรูปทรงทันสมัย มีพลังขับเครื่องยนต์มหาศาล วิ่งได้เร็วเท่ากับรถยนต์ก็มี และวิ่งบนรางได้ทั้งบนดินและใต้ดิน เช่นเดียวกับรถไฟใต้ดิน กิจการรถรางไฟฟ้าเบลเยี่ยมถือได้ว่าพัฒนาควบคู่มากับการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป การใช้ไฟฟ้าสำหรับรถรางเพราะเป็นพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเหมือนกับควันจากท่อไอเสียรถยนต์ จึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในเบลเยี่ยม ตามเมืองใหญ่ๆ เช่นบรัสเซลส์เมืองหลวง เมืองท่าที่มีชื่อเสียงเอนเทอเวิร์ป เมืองเกนส์ และเมืองบรูซส์จะมีรถรางเป็นระบบขนส่งมวลชนหลักของเมืองแทบทั้งนั้น สำหรับในบรัสเซลส์ซึ่งเป็นเมืองหลวงนั้น ในปัจจุบันมีรถรางวิ่งร้อยกว่าสาย ทั้งที่วิ่งบนดินและใต้ดินผ่านเมืองและชานเมือง อัตราค่าโดยสารรถรางมีหลายราคา หลายประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสารมากที่สุด คือประเภทใช้ขึ้นครั้งเดียว ราคา 50 แฟรงก์ ( 1 แฟรงก์ เท่ากับ 1 บาท) ประเภทใช้ขึ้น 5 ครั้ง ราคา 230 แฟรงก์ ประเภทใช้ขึ้น 10 ครั้ง ราคา 320 แฟรงก์ และประเภทใช้ได้ตลอดทั้งวัน ราคา 125 แฟรงก์ ประเภทตั๋วเดือนราคาเดือนละ 1300 แฟรงก์ นอกจากนั้นมีประเภทตั๋วปี ราคา 9500 แฟรงก์ จะเห็นว่า การแบ่งประเภทค่าโดยสารได้มีการคำณวนอย่างเป็นระบบเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ สิ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าเข้าท่าดีเกี่ยวกับค่าโดยสารรถรางในเบลเยี่ยมก็คือ หากท่านซื้อตั๋วโดยสารรถราง ท่านสามารถจะใช้ตั๋วนั้นได้กับระบบสื่อสารมวลชนทั้งระบบได้หมด คือรถราง รถเมล์ และรถไฟฟ้าใต้ดิน และนอกจากนั้น หากท่านซื้อตั๋วแล้วเดินทางไป-กลับภายใน 1 ชม. ท่านสามารถนั่งทั้งรถเมล์ รถรางและรถไฟใต้ดินไป-กลับมากี่ครั้งก็ได้ โดยใช้ตั๋วใบเดิมเพียงใบเดียว เกี่ยวกับเรื่องระยะเวลาตั๋ว 1 ช.ม. ที่ใช้เดินทางได้กี่ครั้งก็ได้นั้น มีเรื่องเล่าว่า มีนายพลเรือชาวไทยผู้หนึ่งมาเที่ยวบรัสเซลส์พร้อมภรรยาและได้ทดลองขึ้นรถรางไปเที่ยว 2 คนโดยซื้อตั๋วแบบ 1 ใบใช้ได้ 10 ครั้ง เมื่อขึ้นรถรางแล้วก็ตอกตั๋วในเครื่องตอกตั๋ว 2 ครั้ง พอขากลับ ด้วยความไม่รู้ก็ได้ใช้ตั๋วเดิมตอกที่เครื่องเช่นเดิม ปรากฎว่า เครื่องไม่รับตอกเพราะยังอยู่ในเวลา 1 ชม. นายพลเรือผู้นี้พยายามตอกหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จก็เลยรู้ว่า หากยังไม่ถึง 1 ชม. ก็ไม่ต้องตอกใหม่ แต่ก็สงสัยต่อไปว่า ในช่วง 1 ชม นี้ หากพาเพื่อนขึ้นรถรางเพิ่มอีก 2 คนเป็น 4 คนโดยจะใช้ตั๋วใบเดิมตอกจะได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากตอกแล้วเครื่องไม่รับ ทั้งที่ตั๋วยังมีจำนวนครั้งเหลืออยู่ 8 ครั้งพอสำหรับเพื่อนๆ ที่เพิ่มขึ้นมา ตรงนี้จึงเกิดปัญหาที่น่าสงสัยสำหรับพวกเราซึ่งเป็นคนต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับระบบของรถรางเบลเยี่ยม โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าหากมีนายตรวจขึ้นมาตรวจตั๋ว จะทำอย่างไรกับเพื่อนอีก 2 คนที่เพิ่มขึ้นมา เพราะก็ไม่ได้คิดโกงแต่ตอกตั๋วแล้วแต่เครื่องตอกไม่รับ มิต้องโดนปรับหรอกหรือ ผู้เขียนยอมรับว่าไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้ จึงไปทดลองใช้ตั๋วรถรางดังกล่าวเพื่อจะพิสูจน์ว่าหากเกิดเหตการณ์เช่นนี้จะทำอย่างไร ก็ปรากฎว่าเป็นเช่นที่นายพลไทยตั้งข้อสงสัยจริงๆ ปัญหาที่คิดกันว่าหากเราตอกตั๋วแล้วเครื่องไม่ยอมรับ จะทำอย่างไรหากเกิดมีนายตรวจขึ้นมาตรวจ จะไม่เป็นความผิดหรือ ทั้งนี้สำหรับ 2 คนที่ตอกตั๋วแล้วและเวลาเดินทางยังไม่ครบ 1 ชั่วโมงก็ยังอธิบายได้ แต่ 2 คนที่เพิ่มขึ้นมา โดยจะใช้ตั๋วใบเดียวกัน และยังเหลือที่สำหรับตอกได้อีกถึง 8 ครั้ง แต่ตอกแล้วเครื่องไม่ยอมรับ จะทำอย่างไรนั้น คำตอบที่คิดได้ก็คือสำหรับสองคนที่ขึ้นใหม่คงจะต้องซื้อตั๋วใบใหม่...................... ก็เป็นระบบที่ซับซ้อนและรัดกุมดี เกี่ยวกับเรื่องรถรางในบรัสเซลส์ มีเกร็ดเล่าให้ฟังอีกนิดหนึ่งว่า คนต่างชาติที่อาศัยในบรัสเซลส์นั้นนับว่ามีมากหลายชาติหลายภาษา โดยเฉพาะคนฟิลิปปินส์ ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคน กล่าวกันว่าด้วยความที่มีคนฟิลิปปินส์มากนี้เอง ได้มีการกล่าวเปรียบเทียบเป็นคำพูดว่า หากท่านนั่งรถรางในบรัสเซลส์ไม่ว่าคันใดก็ตาม ท่านจะต้องเห็นคนฟิลิปปินส์อยู่ในรถรางนั้นอย่างน้อย 1 คนเสมอไป........อะไรจะขนาดนั้น ซึ่งเท่าที่เคยใช้บริการรถรางบรัสเซลส์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็ดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำกล่าวว่าเสียด้วย รถรางไฟฟ้าบางกอก... อดีตที่น่าเสียดาย ดังที่ได้กล่าวในตอนต้นแล้วว่า รถรางไฟฟ้าเบลเยี่ยมนั้นเป็นหนึ่งในโลก เนื่องจากรถรางไฟฟ้าในหลายประเทศที่เกิดขึ้นได้ในอดีตก็มาจากฝีมือช่างชาวเบลเยี่ยมนี่เอง รวมทั้งรถรางไฟฟ้าในบางกอก จากข้อมูลในหนังสือ The modern tram way เล่มที่ 18 ฉบับที่ 212 เดือนสิงหาคม ค.ศ.1955 ตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งผู้เขียนได้รับสำเนาจากเจ้าหน้าที่การรถรางแห่งเบลเยี่ยมผู้หนึ่ง ท่านผู้นี้สะสมหนังสือเก่าเกี่ยวกับรถรางและได้กรุณาอนุเคราะห์สำเนาให้ผู้เขียนสนองความอยากรู้อยากเห็น หนังสือดังกล่าวลงเรื่องราวเกี่ยวกับรถรางสมัยเก่าและสมัยใหม่ในสยาม ซึ่งมีประวัติที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ดังจะขอนำมาถ่ายทอดเพื่อการค้นคว้าข้อมูลในประวัติศาสตร์และทักท้วงกันในความถูกต้องต่อไป ดังนี้
<B>"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"</B>
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
("\(*-*)/")
 
โพสต์: 3005
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:04 am
ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทย (www.talkingmachine.org)

โพสต์โดย ("\(*-*)/") » จันทร์ ส.ค. 04, 2008 8:02 am

แลหลังรำลึก รถรางแห่งพระนคร

....กรุงเทพมหานคร สมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สภาพบ้านเมืองสงบน่าอยู่ รถราไม่ติดอย่างในยุคปัจจุบัน ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะนอกจากรถเมล์โดยสารจาก 20 บริษัทเอกชนกับ 2 รัฐวิสาหกิจแล้ว ยังมีรถรางไฟฟ้าที่วิ่งคู่ขนานไปกับรถยนต์ เพราะเหตุที่ว่าในยุคนั้นรถยนต์มีน้อยกว่าในยุคปัจจุบันมาก จึงสามารถกันพื้นที่ถนนจำนวน 1 ช่องทางเพื่อวางรางรถรางฝังไปกับพื้นถนนชิดด้านขอบฟุตปาท...

....รถราง ที่จริงแล้วก็คือรถไฟฟ้าเช่นเดียวกับรถไฟฟ้า BTS ที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน ส่วนที่คล้ายกันคือ ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถเหมือนกัน นอกจากนั้นไม่มีอะไรเทียบกันได้...

.....การไฟฟ้านครหลวง เป็นเจ้าของสัมปทานรถรางมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนยุบเลิกสัมปทานรถรางทั้งหมดเมื่อ 1 ตุลาคม 2511...

.....ค่าโดยสารรถรางแบ่งเป็นสองชั้น โดยมีฉากลูกกรงไม้แบ่งครึ่งกลางคัน ครึ่งด้านหน้าเป็นเก้าอี้ไม้วางขนานไปกับตัวถังรถ ส่วนครึ่งหลังเก้าอี้จะมีเบาะนวมสีแดงปูอีกที ค่าโดยสารด้านหน้าเก้าอี้ไม้ เก็บ 10 สตางค์ตลอดสาย ด้านหลังเบาะนวมเก็บ 25 สตางค์ตลอดสาย จนชาวบ้านเรียกว่า "ข้างหน้าสิบตังค์ ข้างหลังสลึง"....

......เนื่องจากรถรางมีสองหัวเหมือนหัวรถจักร สามารถเดินหน้าได้ทั้งสองหัวเหมือนรถไฟ เมื่อวิ่งจนสุดทางแล้ว พนักงานก็จะยกเบาะจากเก้าอี้ด้านหลังกลับมาปูบนเก้าอี้อีกด้านหนึ่ง เมื่อรถใช้หัวอีกด้านวิ่งกลับ มันก็ยังคงเก็บค่าโดยสาร "ข้างหน้าสิบตังค์ ข้างหลังสลึง" ได้ตามเดิม....

......รถรางวิ่งช้ามากเมื่อรับผู้โดยสาร แต่จะวิ่งเร็วเมื่อนำรถกลับไปเก็บอู่ แต่ความเร็วสูงสุดเท่าที่รถรางทำได้ก็คือประมาณ 45 กม./ชม.เท่านั้น ต่างจากรถไฟฟ้า BTS ยุคปัจจุบันที่วิ่งด้วยความเร็วถึง 80 กม./ชม.เลยทีเดียว....

รูปภาพ
รูปนี้ชัดเจนมากอย่างกับเพิ่งถ่ายมาเมื่อวาน รถรางกำลังวิ่งผ่านเยาวราช โดยมีรถแท็กซี่กำลังแซงผ่านไป สังเกตนะครับว่าแท็กซี่เปิดกระจกหูช้างด้านคนขับรับลมด้วย เพราะรถยนต์สมัยนั้นไม่มีแอร์ครับ อากาศในกรุงเทพฯก็ไม่ได้ร้อนสาหัสอย่างทุกวันนี้ เพราะตอนนั้นตึกสูงไม่มี สูงที่สุดก็ตึกเจ็ดชั้นเยาวราช คนก็ตื่นเต้นกันทั้งเมืองแล้วครับ ส่วนคนขับรถรางนั้นยืนขับครับ ไม่ได้นั่งขับ มือขวากุมคันเบรก ส่วนมือซ้ายกุมคันเร่ง ไม่ต้องใช้พวงมาลัยเพราะมันวิ่งไปตามรางครับ

รูปภาพ
รถรางกำลังวิ่งเลียบกำแพงพระบรมหาราชวัง ด้านที่ติดกับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือวัดโพธิ์ที่รู้จักกันน่ะครับ

รูปภาพ
รถรางวิ่งผ่านท่าราชวรดิษฐ์ ซึ่งเป็นรถรางสายเดียวกับคันข้างบน จะสังเกตเห็นเชือกที่โยงปลายคานรับกระแสไฟฟ้าของรถรางนะครับ เชือกนี้ใช้ดึงคานให้หมุนกลับเวลารถใช้อีกหัววิ่งกลับมา เพื่อให้คานอยู่ในลักษณะลู่หลังตลอดเวลาที่รถวิ่งเพื่อป้องกันการสะดุดหัวหมุดรั้งสายไฟ และยังช่วยรั้งคานให้นิ่งไม่กระโดดอีกด้วย ส่วนพนักงานที่ยืนท้ายรถรางนั้น เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร เมื่อรถสุดทาง ก้อจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นพนักงานขับรถ นำหัวอีกด้านวิ่งกลับมา พนักงานที่ขับอีกหัวก็จะเก็บสตางค์แทนสลับกันครับ

รูปภาพ
ถนนวิสุทธิกษัตริย์ รถสามล้อเครื่องกำลังวิ่งสวนกับรถราง จะเห็นว่าสามล้อเครื่องสมัยนั้นไม่ได้วิลิศมาหราอย่างสมัยนี้เลยนะครับ

รูปภาพ
ถนนเจริญกรุงแถวย่านยานนาวาครับ แต่นึกไม่ออกว่าเป็นที่ตรงไหน....

รูปภาพ
นี่ก้ออีกที่ครับ คลับค้ายคลับคลาแต่ไม่กล้าเดาว่าที่ไหน...

รูปภาพ
ตรงนี้ไม่ต้องเดา สามแยกถนนเจริญกรุงทางที่ออกมาวงเวียน 22 กรกฎาคมอ่ะครับ สมัยนั้นมี 3 แยกเค้าเลยเรียกว่าสามแยก เดี๋ยวนี้เป็นห้าแยกไปแล้ว เค้าก้อยังเรียกกันว่าสามแยกตามเดิม????.....

รูปภาพ
ตรงนี้ก็คือแถว ๆ เสาชิงช้าด้านที่ว่าการเทศบาลนครกรุงเทพ ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันว่า "ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร" นั่นแหล่ะครับ.....

รูปภาพ
แถวนี้อีกเหมือนกันที่นึกไม่ออกว่าเป็นที่ไหน แต่ดูจากผ้าโฆษณาหนังที่เข้าฉาย ณ โรงภาพยนต์เท็กซัสแล้ว น่าจะเป็นรถรางสายท่าเตียน-ถนนตก ที่วิ่งผ่านถนนเยาวราชและเจริญกรุงน่ะครับ....

รูปภาพ
รถรางกำลังตีฝีจักรผ่านทางเข้าท่าเรือข้ามฟากท่าช้างวังหลวง ผ่านหน้ารถเมล์สาย 31 ท่าช้าง - ปทุมธานีที่จอดรอวินอยู่ ปัจจุบันรถเมล์สายนี้ถูก ขสมก.ยกเลิกสัมปทานไปแล้ว เนื่องจากไม่มีเอกชนสนใจซื้อสัมปทานมาทำต่อ....

รูปภาพ
รถรางกำลังจะเลี้ยวซ้ายจากท่าช้างวังหลวงเข้าถนนพระจันทร์ไปสิ้นสุดเส้นทางที่ท่าพระจันทร์ ส่วนตึกที่เห็นซ้ายมือนั้น เป็นที่ทำการของบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.)ในสมัยนั้นครับ...

รูปภาพ
รถรางเลี้ยวขวาจากวังสราญรมย์ด้านข้างกระทรวงกลาโหมเข้าถนนมหาชัย เพื่อมุ่งสู่สนามหลวง ส่วนแท็กซี่คันที่เห็นท้ายยี่ห้อโตโยเป็ตนะครับ ก่อนที่จะมาเป็นโตโยต้าที่เรารู้จักในปัจจุบัน...

รูปภาพ
ดูกันชัด ๆ ครับ ระหว่างคันเร่งด้ายซ้ายมือ กับคันเบรกด้านขวามือ.

รูปภาพ
ชัด ๆ อีกรูปสำหรับที่นั่งผู้โดยสารของรถราง ที่ถูกกั้นแบ่งด้วยฉากกรงไม้ ตอนหน้าไม่มีเบาะ แต่ตอนหลังมีเบาะ พอรถวิ่งสุดทาง พนักงานก็จะยกเบาะไปวางไว้ด้านหน้า เพราะพอขากลับ เค้าจะใช้อีกหัวที่อยู่ด้านหลังขับกลายเป็นด้านหน้าแทน....

รูปภาพ
กล่องคานรับกระแสไฟฟ้าบนหลังคารถราง

เรื่องและภาพโดย Paithoon Ruksasee. (noom4100)
แก้ไขล่าสุดโดย ("\(*-*)/") เมื่อ จันทร์ ส.ค. 04, 2008 9:32 am, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
<B>"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"</B>
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
("\(*-*)/")
 
โพสต์: 3005
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:04 am
ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทย (www.talkingmachine.org)

โพสต์โดย o_น้ำมะเน็ด » จันทร์ ส.ค. 04, 2008 9:05 am

ขอบคุณอาจารย์ พาขึ้นรถรางย้อนยุค :smile:
คนที่ปราศจากความรักในการสะสมย่อมมีเพียงชีวิตเดียว
ต่างจากคนที่รักการสะสมซึ่งมีสองชีวิต เพราะเขาใช้ชีวิตพร้อมกันไปใน"โลกสองโลก"

ที่มา:หนังสือเครื่องเสียงโบราณตำนานแห่งศาสตร์และศิลป์
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_น้ำมะเน็ด
 
โพสต์: 6076
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 09, 2005 6:06 pm
ที่อยู่: CokeThai.com

โพสต์โดย o_ลูกอีช่างเก็บ_80 » จันทร์ ส.ค. 04, 2008 9:08 am

เห็นชื่อกระทู้แล้วต้องเข้ามาให้หายฉงนสักหน่อย :)
ยุคน้ำมันราคาแรง หวนให้คิดถึงรถราง...
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_ลูกอีช่างเก็บ_80
 
โพสต์: 2635
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 20, 2006 4:12 pm

โพสต์โดย ("\(*-*)/") » จันทร์ ส.ค. 04, 2008 3:33 pm

รถรางจำลอง สามารถขึ้นไปถ่ายรูปได้ โชว์ในงานไปรษณีย์ไทยชวนบันทึกประวัติศาสตร์ 125 ปี

รูปภาพ
<B>"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"</B>
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
("\(*-*)/")
 
โพสต์: 3005
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:04 am
ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทย (www.talkingmachine.org)

โพสต์โดย ("\(*-*)/") » อังคาร ส.ค. 05, 2008 2:31 pm

สำหรับคนรักรถราง....ขอแนะนำเวปนี้ครับ

http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4278.msg31184

หัวข้อ: รถราง...เล่าอดีตได้ด้วยภาพรถรางไฟฟ้า รับรองอ่านจุใจเลย
<B>"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"</B>
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
("\(*-*)/")
 
โพสต์: 3005
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:04 am
ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทย (www.talkingmachine.org)

โพสต์โดย o_peperomero » พุธ ส.ค. 06, 2008 9:29 am

ภาพและเรื่องนี่จุใจจริงๆ เก็บครบทุกรายละเอียด :smile:
o_peperomero
 
โพสต์: 578
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 07, 2007 11:54 pm
ที่อยู่: วงเวียนใหญ่

โพสต์โดย o_Love_Kurt_Kickapoo » พุธ ส.ค. 06, 2008 9:30 pm

:cool: เห็นรถรางแล้วอยากนั่งดูทีแต่ที่เด็ดกว่านั้นคือมีโฆษณาโค้ก Coca Cola ติดหน้ารถรางด้วย :lol: :lol: :lol:
หลงรักภาพสิ่งของเก่าๆในอดีตตั้งแต่จำความได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_Love_Kurt_Kickapoo
 
โพสต์: 397
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 23, 2008 9:11 pm
ที่อยู่: 18 หมู่ 7 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 57130

โพสต์โดย o_น้ำมะเน็ด » ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 2:16 pm

ในงาน 125 ปี มีเปิดเพลงรถรางด้วย ได้ยินแล้วใช่เลยเพิ่งเคยฟังจากกระทู้นี้ :smile:
คนที่ปราศจากความรักในการสะสมย่อมมีเพียงชีวิตเดียว
ต่างจากคนที่รักการสะสมซึ่งมีสองชีวิต เพราะเขาใช้ชีวิตพร้อมกันไปใน"โลกสองโลก"

ที่มา:หนังสือเครื่องเสียงโบราณตำนานแห่งศาสตร์และศิลป์
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_น้ำมะเน็ด
 
โพสต์: 6076
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 09, 2005 6:06 pm
ที่อยู่: CokeThai.com

โพสต์โดย o__Yesterdaytomorrow » จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:04 pm

เอาภาพมาฝากครับรถรางแถวบ้าน มี 3 คันครับ จอดทิ้งไว้ที่เพิงกลางทุ่งมานานหลายสิบปี
เห็นแล้วสงสาร ผุผังตามกาลเวลา คิดว่าต้องมีอุปกรณ์หลายๆชิ้นต้องแอบถูกคนแอบขโมย
ไปขายแล้วแน่ๆ
ล่าสุดเหมือนเจ้าของจะเริ่มบูรณะแล้ว เพราะเพิ่งสร้างหลังคาคลุมตัวรถอีกครั้ง :smile:
ถามคนงานที่อยู่แถวนั้นบอกว่า ทำเสร็จจะส่งไปภาคใต้ เอาใจช่วยครับ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
พอใจกับสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับมัน
o__Yesterdaytomorrow
 
โพสต์: 115
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 22, 2007 4:15 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

โพสต์โดย o_PAO » จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:12 pm

อยากได้ไว้ตั้งโต๊ะให้ลูกค้าขึ้นไปกินข้าว :cool:
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_PAO
 
โพสต์: 20125
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 6:13 pm
ที่อยู่: 11 หมู่ 2 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม 10520

โพสต์โดย o__Yesterdaytomorrow » จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:14 pm

ยังหาภาพที่เคยถ่ายไว้หลายปีก่อนไม่เจอ เห็นแล้วชอบ อยากให้มันไปอยู่ในที่ดีๆ
อุตส่าห์ รับใช้คนไทยมาตั้งนาน อยากเห็นมันกลับไปอยู่ในสภาพเดิมๆเร็วๆจังครับ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
พอใจกับสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับมัน
o__Yesterdaytomorrow
 
โพสต์: 115
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 22, 2007 4:15 pm
ที่อยู่: กรุงเทพ

โพสต์โดย ("\(*-*)/") » อังคาร ส.ค. 12, 2008 7:55 am

โอ้ พระเจ้าจอร์จ...!!!
คุณYesterdaytomorrow เจอรถรางตัวเป็นๆ ด้วย... :cool: :cool: :cool:
ถึงแม้มันจะบาดเจ็บสาหัสก็ตาม :-) :-o :-o

คุณเปาลองติดต่อดูซิครับ
ถ้าขอซื้อแล้วเขาไม่ขายให้จริงๆ ก็ลองขอเขาไปวัดขนาดสัดส่วนรถรางแบบถูกต้องแล้วไปทำคันใหม่ดูก็ได้ครับ
เจ๋งนะ รับรองคนขึ้นไปกินบนรถกันตรึม :grin:

ขอบคุณคุณYesterdaytomorrow สำหรับภาพหายากงามๆ อีกครั้งครับ :D
<B>"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"</B>
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
("\(*-*)/")
 
โพสต์: 3005
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:04 am
ที่อยู่: พิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทย (www.talkingmachine.org)

โพสต์โดย o_PAO » อังคาร ส.ค. 12, 2008 11:05 pm

เซฟไว้เรียบร้อยครับอาจารย์ :D
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_PAO
 
โพสต์: 20125
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 08, 2005 6:13 pm
ที่อยู่: 11 หมู่ 2 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม 10520

โพสต์โดย o_cokeyuth » อังคาร ธ.ค. 02, 2008 9:53 am

เพิ่งอ่านกระทู้นี้ แบบ เป็นเรื่อง เป็นราว....
อุโมงค์ที่อาจารย์ขุดไปหาเวปนี้ อ่านแล้ว ปรี๊ดแตก

http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4278.0

:smile: เวปของเขาเจ๋งจริงๆ :smile:

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_cokeyuth
 
โพสต์: 7846
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 10:02 am
ที่อยู่: สระบุรี

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง Retro Society (บอร์ดเก่า)

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน