หน้า 2 จากทั้งหมด 4

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 10:33 am
โดย sermsoon
cokeyuth เขียน: ตังเมแบบเหลว ตาแป๊ะจะหาบมา พร้อมกับกรรไกรอันนึง ไม้เสียบอันนึง
แล้วแกก็จะทำให้ตังเมมันร้อนขึ้นนิดๆ ให้กึ่งแข็งกึ่งเหลว ให้มันหนืดๆ
แล้วก็ใช้ความเร็วในการประดิษฐ์ตังเมหนืดๆให้เป็นรูปต่างๆ
รูปฮิต เรตติ้งสูงสุด เห็นจะได้แก่ รูปลิงนั่งอยู่บนปลายไม้แล้วถือเบ็ดตกปลา
หรืออาจจะทำรูปอื่นๆ ตามแต่เด็กๆจะร้องขอ
ถ้าวิจิตรพิศดาร ก็แพงหน่อยละ

อันนี้ไม่น่าจะจัดเป็นตังเมมั้ง มันเป็นน้ำตาลผสมสีมากกว่า บ้านผมคนไทยหนุ่มๆ ขาย
มีสีแดง-เขียว และขาว ใส่กระทะทองเหลืองก้นลึกกั้นเป็นสามช่อง ตั้งบนเตาไฟอ่อนๆ
บ้านผมจะเรียกน้ำตาลปั้น น้ำตาลเป่า หรืออะไรเทือกนี้

ตังเมสีขาวขุ่น น่าจะมีส่วนผสมอื่นรวมทั้งนมข้นหวานและแบะแซ (ไม่แน่ใจนะ)
ที่ต่างกันเห็นชัดอีกอย่างคือ อ่อนยืดได้โดยไม่ต้องอุ่นตลอดเวลาด้วยเตาไฟ
แต่ห่ออยู่ในผ้าพลาสติกกันแห้งหรือแข็ง ส่วนมากเป็นสีน้ำเงิน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ส่วนที่แป๊ะขาย จะเป็นตังเมแข็ง ใส่ถาดกลมสูง 2 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 1/2 ฟุต
มีผ้าขาวบางคลุมกันฝุ่นและเก็บความชื้น แป๊ะจะเทินหัวเดินขาย
ส่วนอาวุธที่ใช้รบกับตังเม มีแผ่นเหล็กปลายด้านหนึ่งข้อนข้างคม คล้ายใบกบใสไม้
และเหล็กกลมๆ เหมือนเหล็กเคาะระฆังแขกยามอีกแท่ง

ใช้เหล็กใบกบวางลงบนตังเมให้ได้ความกว้างประมาณครึ่งนิ้ว เหล็กเคาะระฆังเคาะเบาะ
ตังเมจะหลุดเป็นเส้นสั้นๆ ความยาวเท่าหน้าใบกบ
ถ้าจะให้ยาวกว่านี้ก็เคาะลงน้ำหนักเบาๆ ไม่ให้ปลายขาด แล้วสะกัดช่วงต่อไปจนพอใจ
ตังเมประเภทนี้รสชาติต่างกับตังเมหลอด อร่อยและละเมียดละไมกว่าครับ
เอกลักษณ์ที่สำคัญคือ เวลาเดินเทินถาด มือทั้งสองจะเคาะไม้ตีระฆังกับใบกบเป็นจังหวะเฉพาะตัวคล้ายรถขายเกี๊ยว

ย้อนกลับมาตังเมหลอด การตัดเป็นแท่ง ทางปากน้ำโพใช้กรรไกรก็มี
แต่ส่วนใหญ่จะใช้เด็ดด้วยมือ โดยจับส่วนโคนเมื่อปั้นได้ความยาวที่ต้องการแล้ว
ยืดออกมาอีกนิดหน่อย จิกไว้ แล้วสะบัดข้อมือขึ้น-ลง เบาๆ ก็จะหลุดออกมา
เรียกว่าใช้พลังฝ่ามือแบบดัชนีอะไรซักอย่างน่ะ

เวลาหมุนลูกศรเสี่งจำนวนแท่ง หากได้มากกว่าหนึ่ง เขาจะยืดให้ยาวผอมกว่าปกตินิดหน่อย
บ้านผมใจสปอร์ต สูงสุดมีถึง 10 แท่ง ใครหมุนได้พ่อยืดซะผอมเท่าตะเกียบได้มั้ง :lol:
พับทบไปทบมาจนได้จำนวนแท่งเท่าที่หมุนได้ แล้วสะบัดเด็ดหลุดในครั้งเดียว ห่อใบตองให้เลย

อีกอย่าง... บ้านผมออกเสียงฟังคล้าย "แตงเม" มากกว่า "ตังเม" ครับ :D
8)

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 10:39 am
โดย o__Sam
โห เกิดมาเพิ่งเคยเห็นตังเมสด ปกติเคยกินแต่ที่เค้าบรรจุใส่ถุงแล้ว แบบผสมถั่ว ไม่แน่ใจว่าวัตถุดิบเดียวกันกับตังเม3สี รึเปล่าครับ ผมว่าอีแบบสีขาวมันกว่าเหนียวกว่านะ

เป็นอาชีพที่น่าอนุรักษ์ไว้นะครับ เด็กๆรุ่นใหม่ในกรุงเทพคงไม่ค่อยได้เห็น ถ้าผมเห็นคนขายตังเม หรือ สายไหมแบบถุงสีแสบๆ เป็นต้องหยุดรถซื้อทุกครั้ง เป็นความฝังใจในวัยเด็กครับ ตอนเด็กๆไม่ค่อยมีตังค์ซื้อขนม :oops:

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 11:30 am
โดย o_cokeyuth
sermsoon เขียน:
cokeyuth เขียน:ไม่งั้นกระผมจะซื้อ กระแป๋งนี้
มาฝากคุณเปาเลยครับ


ไชโย้... อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2506 เพิ่งได้ยินคนเรียก กระแป๋ง ว่า กระแป๋ง วันนี้เอง
ตอนเข้ามาใหม่ๆ เถียงกับเพื่อนคนกรุงหน้าดำหน้าแดง มันบอกว่าต้องเรียก กระป๋อง ตะหาก
สมัยก่อนโน้นนนนน น่ะนะ มีคนแก่ที่นครสวรรค์หลายคนเรียก "กระแต๋ง" รูปภาพ
8)


"กระแป๋ง" สำหรับคนต่างจังหวัดในภาคกลาง
หมายถึง วัสดุที่มีหูหิ้วใช้ใส่ของ หรือ ใช้บรรจุน้ำได้....
ขนาดของ "กระแป๋ง " มันจะใหญ่กว่า" กระป๋อง " แต่ว่ามันจะเล็กกว่า "ถัง"

เป็นคำตอบที่ .... ถูกต้องนะคร๊าบบบบบ :lol: 8) :shock: :? :o

ปล. สำหรับคนแก่ที่เรียกกระแป๋งว่า "กระแต๋ง" กรุณาพาไปเที่ยวภาคอีสาน ท่านจะเจอคนแก่
ที่ชอบเรียก "ตะกร้า" ว่า "กะต้า" จะได้เข้าคอลเล็คชั่น "กระแต๋งกะต้า"
(ขออนุญาตสงวนลิขสิทธิ์ไม่ให้ค่ายเพลงนำคำนี้ไปตั้งเป็นชื่อวงแร็พ หรือ วงฮิปฮอปนะจ๊ะ)

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 11:34 am
โดย o_lekpn
อันนี้ไม่น่าจะจัดเป็นตังเมมั้ง มันเป็นน้ำตาลผสมสีมากกว่า บ้านผมคนไทยหนุ่มๆ ขาย
มีสีแดง-เขียว และขาว ใส่กระทะทองเหลืองก้นลึกกั้นเป็นสามช่อง ตั้งบนเตาไฟอ่อนๆ
บ้านผมจะเรียกน้ำตาลปั้น น้ำตาลเป่า หรืออะไรเทือกนี้


ผมก็ว่าอย่างนั้นนะครับอาเสริม ไม่น่าจะเรียกว่าตังเม (ผมก็เรียกว่าแตงเม :lol: )

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 11:36 am
โดย o_cokeyuth
lekpn เขียน:
อันนี้ไม่น่าจะจัดเป็นตังเมมั้ง มันเป็นน้ำตาลผสมสีมากกว่า บ้านผมคนไทยหนุ่มๆ ขาย
มีสีแดง-เขียว และขาว ใส่กระทะทองเหลืองก้นลึกกั้นเป็นสามช่อง ตั้งบนเตาไฟอ่อนๆ
บ้านผมจะเรียกน้ำตาลปั้น น้ำตาลเป่า หรืออะไรเทือกนี้


ผมก็ว่าอย่างนั้นนะครับอาเสริม ไม่น่าจะเรียกว่าตังเม (ผมก็เรียกว่าแตงเม :lol: )


ผมกลัว "แตงโม" มันจะว่าเอา ว่าเจตนาเลียนเสียง

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 11:40 am
โดย o_lekpn
ผมหมายถึงว่า ขนมน้ำตาลที่ทำเป็นรูปต่างๆ (โดยเฉพาะลิงตกปลา) ไม่น่าจะเรียกว่าตังเมน่ะครับ :shock:

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 11:44 am
โดย o_cokeyuth
lekpn เขียน:ผมหมายถึงว่า ขนมน้ำตาลที่ทำเป็นรูปต่างๆ (โดยเฉพาะลิงตกปลา) ไม่น่าจะเรียกว่าตังเมน่ะครับ :shock:


แต่วัตถุดิบ มันเหมือนกันนะคุณ
ก่อนลิงจะมาตกปลา มันก็ต้องเคี่ยวตังเมก่อนนะ คุณเล็ก

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 12:25 pm
โดย o_cokeyuth
ผมเจอภาพนี้ในหนังสือสารคดี (ตุลาคม ๒๕๒๘)
เขาเรียกว่า "ขนมน้ำตาล"
ยกนี้จึงขอยอมสงบศึกกับคุณเล็กไว้ก่อน........มาชมภาพกันดีกว่า

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 12:26 pm
โดย o_cokeyuth
ป่านนี้ อาแปะ แกไปปั้นอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย
หากใครที่จำโฆษณาคลาสสิคของเบียร์สิงห์ได้ จะมีโฆษณา "เสียงของความอร่อย"
ที่มี เสียงกระดิ่งของคนขายไอติม / เสียงระฆังของคนเข็นรถผลไม้ /
เสียงเคาะไม้ของพ่อค้ารถถีบขายก๋วยเตี๋ยว /
....ก็จะมีภาพอาแปะคนนี้หาบร้านขนมเคลื่อนที่แล้วตั้งร้าน ปั้นไก่แล้วเป่าลำไผ่ที่มีไส้เป็นนกหวีด
.....ไก่...ตัวที่สองจากทางขวาไงครับ ผมจำได้ เพราะชอบซื้อตัวนี้มาเป่าเล่น และรีบกิน
ก่อนที่ใครจะมาแอบเป่าแล้วน้ำลายไหลลงไปในนกหวีด...... :lol:
......ส่วน ไอ้เข้สีเหลืองๆที่อยู่ถัดไป ตัวนี้ต้องใส่แม่พิมพ์ แล้ว อัดลมเข้าไปครับ
แถวบ้านผมนิยมทำเป็นข้าวโพด(ใช้น้ำตาลสีเหลือง) และ น้อยหน่า (ใช้น้ำตาลสีเขียว)

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 12:28 pm
โดย o_cokeyuth
ขอหยิบยืมภาพมาจาก นิตยสาร สารคดี
ขอกราบงามๆสามที ที่ให้หยิบยืมภาพมาเป็นวิทยาทานนะคร๊าบ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 12:33 pm
โดย sermsoon
cokeyuth เขียน:ขอหยิบยืมภาพมาจาก นิตยสาร สารคดี
ขอกราบงามๆสามที ที่ให้หยิบยืมภาพมาเป็นวิทยาทานนะคร๊าบ

รูปภาพ

แบบว่า กลัวคุณห่องเหน็บ :D
:lol:

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 2:31 pm
โดย o_PAO
cokeyuth เขียน:ไม่งั้นกระผมจะซื้อ กระแป๋งนี้
มาฝากคุณเปาเลยครับ


รูปภาพ


แฟนต้าออกรสใหม่รึครับนั่น น้ำแดง แต่ฉลากเขียว :lol:

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 4:01 pm
โดย o_lekpn
ส่วนผสมต่างกันครับ ผมไปถามแม่มา ตังเมต้องใส่แบะแซอย่างที่อาเสริมว่าล่ะครับ มันถึงจะเหนียว :D

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 4:14 pm
โดย o_cokeyuth
PAO เขียน:
cokeyuth เขียน:ไม่งั้นกระผมจะซื้อ กระแป๋งนี้
มาฝากคุณเปาเลยครับ


รูปภาพ


แฟนต้าออกรสใหม่รึครับนั่น น้ำแดง แต่ฉลากเขียว :lol:


ขายเกินราคาอีกต่างหากครับ
เวลากินก็กินเพียวๆ ไม่ยอมใส่น้ำแข็ง (ฮา)
แต่เท ยกซด พรวดเดียวลงถังน้ำมัน รถเครื่อง

โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 27, 2007 7:43 pm
โดย o_น้ำมะเน็ด
cokeyuth เขียน:
sermsoon เขียน:
cokeyuth เขียน:ไม่งั้นกระผมจะซื้อ กระแป๋งนี้
มาฝากคุณเปาเลยครับ


ไชโย้... อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2506 เพิ่งได้ยินคนเรียก กระแป๋ง ว่า กระแป๋ง วันนี้เอง
ตอนเข้ามาใหม่ๆ เถียงกับเพื่อนคนกรุงหน้าดำหน้าแดง มันบอกว่าต้องเรียก กระป๋อง ตะหาก
สมัยก่อนโน้นนนนน น่ะนะ มีคนแก่ที่นครสวรรค์หลายคนเรียก "กระแต๋ง" รูปภาพ
8)


"กระแป๋ง" สำหรับคนต่างจังหวัดในภาคกลาง
หมายถึง วัสดุที่มีหูหิ้วใช้ใส่ของ หรือ ใช้บรรจุน้ำได้....
ขนาดของ "กระแป๋ง " มันจะใหญ่กว่า" กระป๋อง " แต่ว่ามันจะเล็กกว่า "ถัง"

เป็นคำตอบที่ .... ถูกต้องนะคร๊าบบบบบ :lol: 8) :shock: :? :o

ปล. สำหรับคนแก่ที่เรียกกระแป๋งว่า "กระแต๋ง" กรุณาพาไปเที่ยวภาคอีสาน ท่านจะเจอคนแก่
ที่ชอบเรียก "ตะกร้า" ว่า "กะต้า" จะได้เข้าคอลเล็คชั่น "กระแต๋งกะต้า"
(ขออนุญาตสงวนลิขสิทธิ์ไม่ให้ค่ายเพลงนำคำนี้ไปตั้งเป็นชื่อวงแร็พ หรือ วงฮิปฮอปนะจ๊ะ)


ที่บ้านเรียกว่า กระแป๋ง เหมือนกัน ตอนเด็กก็เรียกตามแม่แต่พอเข้ามาอยู่ กทม. เพื่อนๆมันมองแปลกๆเลยต้องเปลี่ยนเป็นกระป๋องแต่อยู่กับแม่ก็เรียกกระแป๋ง ไม่งั้นไม่เข้าใจ แต่บางทีแม่ก็มี กระแต๋ง เหมือนกัน.. :lol: :lol: