11August2010 ความพยายามเป็นส่วนหนึ่งของทุกความสำเร็จ
เกือบสิบโมงแล้ว วันพุธที่ 11 สิงหาคม 2010 @ my home sweet home
(อ้าว พรุ่งนี้เป็นวันแม่นี่หว่า)
ช่วงนี้มีหลายเรื่องให้ต้องคิดต้องเตรียม พักหลังนี่กลับมาเข้างานช่วงเที่ยงครึ่งอีกแล้ว ทำให้รู้สึกชีวิตตัวเองดูแปลกๆ ดูห่างเหินกับเทรฟแบบงงๆ เพราะจะเจอกันก็ตอนสะลึมสะลือตอนเช้าก่อนเทรฟออกไปทำงานกับเจอกันตอนเรากลับมาจากทำงานตอนสามทุ่มกว่า นั่งคุยกันนิดหน่อยก็ได้เวลาเข้านอน น่าแปลก..ที่ว่าแค่เวลาทำงานเปลี่ยนก็ทำให้รู้สึกห่างเหินกับคนข้างๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ..เฮ้อ ไม่ดีๆ
...
เทรฟทำห้องใต้หลังคาเสร็จได้พักใหญ่แล้ว วันก่อนได้มีโอกาสดอดขึ้นไปดู เยี่ยมชมผลงานของคุณสามีที่ขะมักเขม้นทำมาอยู่หลายเดือน เทรฟย้ายของขึ้นมาหมดแล้ว ทำเป็นมุมทำงานสำหรับเราสองคนกันคนละมุม มุมของเทรฟก็อุดมไปด้วยข้าวของที่สะท้อนความสนใจของพ่อคุณทั้งการดูดาว ดนตรี เรดาห์ ภาษา ฯลฯ (หลากหลายจริงๆ) ส่วนมุมเรามองไปทุกอย่างยังอยู่ในกล่องกองรวมๆกันอยู่ที่พื้น เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นมาจัด เทรฟเขาทำได้แค่ยกมาวางรวมกันไว้ให้
เราเข้าไปรื้อๆ ค้นๆ ดูว่ามันมีอะไรอยู่มั่งเพราะตั้งแต่ย้ายบ้านมาก็ย้ายลืมเลยเหมือนกัน เพราะอะไรไม่ได้ใช้ (ยังไม่ถึงเวลาใช้)ก็ไม่ได้สนใจเลย พลิกๆ ดูเจอหนังสือทั้งไทยทั้งอังกฤษปนๆ กันอยู่ แล้วก็พลอยทำให้นึกได้ว่ามีอีกหลายเรื่องเลยที่ต้องเพิ่มเข้าไปในรายการ "สิ่งที่ต้องทำ" (เฮ้อ) ..แต่อย่างนึงที่สะดุดใจอย่างแรง ก็คือบรรดาหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเตรียมสอบ IELTS กับ TOFEL รวมกับสมุดจดศัพท์สารพัด..ภาพเก่าๆในวันนั้นพรั่งพรูออกมาเหมือนกระแสความทรงจำที่ถูกอัดแน่นอยู่ในกองหนังสือถ่าโถมเข้าใส่ตัวเองอย่างแรง...
เราน้ำตารื้น..
วันนั้นวันที่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะไปเรียนต่อ ความมุ่งมั่นในการสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านเพื่อเป็นใบผ่านทางขั้นต้นเป็นแรงผลักให้เราลาออกจากงานมาทำวิทยานิพนธ์ มาเรียนภาษา มาจัดการกับชีวิตตัวเอง มาเตรียมความพร้อม ฯลฯ วันนั้นจำได้ว่ามีเงินในกระเป๋าก้อนนึงก่อนลาออก บอกตัวเองว่าภายในระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้เดือนเราต้องเอาตัวเองให้รอด เงินก้อนนี้เป็นทั้งเงินค่าเรียน ค่ากิน ค่าอยู่และเงิน pocket money ตอนนั้นใครมองว่าเราบ้าก็บ้าล่ะวะ ทิ้งทุกอย่าง ลงทุนทุกสิ่ง..จำได้ว่าตื่นเช้าหกโมงนั่งรถเมล์ไปเรียนภาษาเยอรมันช่วงเช้า เรียนภาษาอังกฤษช่วงบ่าย กลับบ้านทำการบ้านภาษา อ่านหนังสือทำวิทยานิพนธ์ เป็นอย่างนี้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ วันเสาร์เรียนภาษาอังกฤษอีกทีนึง วันอาทิตย์ได้อยู่บ้านอ่านหนังสือปั่นวิทยานิพนธ์ทั้งวัน ก่อนเริ่มวงจรใหม่ในเช้าวันจันทร์..จบภาษาคอร์สนี้ที่นี่ เจอที่ใหม่ที่ไหนที่ว่าดีก็ไปลงเรียนต่อ แพงเท่าไหร่ถ้าสู้ไหวก็ไม่เป็นปัญหา ขอให้ได้ความรู้ในส่วนที่แสวงหาเป็นพอ..ความฝันอันสูงสุด สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนเป็นภาษาของตัวเอง..
มาวันนี้..วันที่เราพูด เราทำ เราคิด เราฝัน เราจินตนาการได้เป็นภาษาอังกฤษ...เรายิ้มกับตัวเอง..ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้..แต่พอภาพหนหลังตีวนกลับมาถึงทำให้เรารู้ว่า เรามาถึงจุดนี้ มาถึง ณ วันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นผลจากความพยายามล้วนๆ
หลายคนเห็นเราคุยกับชาวต่างชาติแล้วบอกกับเราว่า "อิจฉาพี่โปร่งจังเลย อยากพูดภาษาอังกฤษได้เก่งเหมือนพี่จัง" เราได้แต่ยิ้มกลับแล้วตอบว่า "ก็พูดเลยสิจ๊ะ พูดกับพี่ก็ได้" คนพูดได้ยิ้มเอียงอายแล้วก็ไม่ว่าอะไรต่อ..แล้วแบบนี้หนูจะพูดภาษาอังกฤษได้เหรอจ๊ะ..เราคิดในใจ
อยากจะบอกเหลือเกินว่า..พี่ไม่ได้ตื่นเช้ามาแล้วพูดได้คล่องแบบนี้หรอกนะคะ พี่ท่องศัพท์ จด จำ เห็นอะไรก็คิดเป็นภาษาอังกฤษ คิดไม่ได้เป็นประโยคก็คิดเป็นคำก็ยังดี อยากพูดได้คล่องเจอคนต่างชาติที่ไหนก็แถเข้าหา พูดไปงูๆ ปลาๆ เพียงเพราะว่าอยากได้มีโอกาสใช้ วันนี้พูดไปเขาไม่เข้าใจ ไม่เป็นไร เอาใหม่วันหลัง วันนี้พูดไปเขาตอบกลับก็ดีใจกลับไปนอนฝันหวาน แต่ถ้าเขาตอบกลับมาแล้วใบ้กินก็รู้แล้วว่าต้องไปฝึกฟังเพิ่ม เช่าดีวีดีเปิด subtitle เป็นภาษาอังกฤษแล้วฟังตาม พูดตาม เรียนตาม ทุกที่ ทุกเวลา คือทุกโอกาสของการเรียน ฟังดูน่าเบื่อและใช้เวลานาน ชนิดว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะไปถึงฝัน..แต่นั่นแหละคือหนทางสู่เป้าหมาย
ทุกความสำเร็จมีเส้นทางเดินของมัน บางครั้งมันอาจดูน่าเบื่อและไร้ความหวัง แต่เราก็เชื่ออย่างสุดใจว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่หยุดเดิน ไม่หยุดพยายาม ซักวันมันต้องเป็นไปอย่างที่เราต้องการ...ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เพียงเพราะมันฟังดูดีหรือดูสวยหรู แต่เพราะเราได้ลองทำมันด้วยตัวเองต่างหาก
ไม่เชื่อก็ลองดูสิ!