ดื่มน้ำอัดลมระวัง! DNA ถูกทำลาย ที่มาโรคพาร์คินสัน-ตับแข็ง

ดื่มน้ำอัดลมระวัง! ดีเอ็นเอถูกทำลาย ที่มาโรคพาร์คินสัน-ตับแข็ง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2550 12:22 น.
การดื่มน้ำอัดลมอาจทำให้เซลล์สำคัญในดีเอ็นเอถูกทำลาย นำไปสู่โรคพาร์คินสันและตับแข็ง
อินดิเพนเดนท์ - ข่าวร้ายสำหรับคอน้ำอัดลม นักวิจัยเผยน้ำอัดลมบางยี่ห้อมีส่วนผสมที่อาจทำลายองค์ประกอบสำคัญในดีเอ็นเอ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคพาร์คินสันและตับแข็ง
การค้นพบนี้อาจส่งผลต่อคนนับล้านทั่วโลกที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ รวมถึงตอกย้ำข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งหลายอย่างเกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้นในเด็ก ศูนย์กลางของความกังวลล่าสุดอยู่ที่ความปลอดภัยของ E211 หรือโซเดียมเบนโซเอต ซึ่งเป็นวัตถุกันเสียที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำอัดลมมาหลายสิบปี
โซเดียมเบนโซเอตมาจากกรดเบนโซอิก ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในเบอร์รี่ แต่ถูกนำมาใช้ในปริมาณมากเพื่อป้องกันเชื้อราในน้ำอัดลม อาทิ สไปรท์, โอเอซิส และดร.เป๊ปเปอร์ นอกจากนั้น ยังใส่ในผักดองและซอสปรุงรส โซเดียมเบนโซเอตยังเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เนื่องจากเมื่อผสมกับวิตามินซีที่เติมลงในน้ำอัดลม จะทำให้เกิดเบนซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ในการสำรวจเบนซินในน้ำอัดลมเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานมาตรฐานด้านอาหารของอังกฤษ (เอฟเอสเอ) พบน้ำอัดลม 4 ยี่ห้อมีส่วนผสมเบนซินในสัดส่วนสูง จึงสั่งห้ามจำหน่ายน้ำอัดลมเหล่านั้น ล่าสุด ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ไปเปอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะชราภาพของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ของอังกฤษ ที่ศึกษาเกี่ยวกับโซเดียมเบนโซเอตมาตั้งแต่ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในปี 1999 ตัดสินใจออกมาเตือนอันตรายที่ค้นพบใหม่ของสารนี้
จากการทดสอบผลของโซเดียมเบนโซเอตที่มีต่อเซลล์ของยีสต์ที่มีชีวิตในห้องทดลอง ไปเปอร์พบว่าเบนโซเอตทำลายเซลล์ไมโทคอนเดีย ซึ่งถือเป็น 'สถานีพลังงาน' ของดีเอ็นเอ ทั้งนี้ ไมโทคอนเดียทำหน้าที่บริโภคออกซิเจนเพื่อแปรเป็นพลังงานให้ร่างกาย ดังนั้น หากเซลล์นี้ถูกทำลายอาจเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น โรคพาร์คินสัน และโรคเซลล์ประสาทเสื่อมอย่างรุนแรง
เอฟเอสเอสนับสนุนการใช้โซเดียมเบนโซเอตในอังกฤษ สารชนิดนี้ยังได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสหภาพยุโรป กระนั้น ภายหลังรายงานของไปเปอร์เผยแพร่ออกมา นอร์แมน เบเกอร์ ประธานกลุ่มสิ่งแวดล้อมในรัฐสภา จากพรรคลิเบอร์รัล เดโมแครต เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน เนื่องจากวัตถุเจือปนอาหารมากมายเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ผลระยะยาว จึงควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติม อนึ่ง การทบทวนความปลอดภัยของโซเดียมเบนโซเอตโดยองค์การอนามัยโลก (ฮู) ในปี 2000 สรุปว่าสารชนิดนี้ปลอดภัย กระนั้น ฮูตั้งข้อสังเกตว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความปลอดภัยของสารชนิดนี้เพียงจำกัด
ด้านไปเปอร์ยืนยันว่า การทดสอบของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ล้าสมัยแล้ว ไปเปอร์ยังแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองคิดให้รอบคอบก่อนซื้อน้ำอัดลมให้ลูก โดยเฉพาะประเด็นวัตถุกันเสีย ทั้งนี้ ทั้งโคคา-โคลา, เป๊ปซี่แม็กซ์, ไดเอ็ตเป๊ปซี่ ล้วนมีส่วนผสมของโซเดียมเบนโซเอต และผู้ผลิตเหล่านี้ต่างออกมายืนยันว่ามั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหารที่รัฐบาลให้การรับรอง
__________________________________________________
น่ากลัวจัง ดื่มได้นะครับ แต่ในปริมาณที่เหมาะสม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2550 12:22 น.
การดื่มน้ำอัดลมอาจทำให้เซลล์สำคัญในดีเอ็นเอถูกทำลาย นำไปสู่โรคพาร์คินสันและตับแข็ง
อินดิเพนเดนท์ - ข่าวร้ายสำหรับคอน้ำอัดลม นักวิจัยเผยน้ำอัดลมบางยี่ห้อมีส่วนผสมที่อาจทำลายองค์ประกอบสำคัญในดีเอ็นเอ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคพาร์คินสันและตับแข็ง
การค้นพบนี้อาจส่งผลต่อคนนับล้านทั่วโลกที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ รวมถึงตอกย้ำข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งหลายอย่างเกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้นในเด็ก ศูนย์กลางของความกังวลล่าสุดอยู่ที่ความปลอดภัยของ E211 หรือโซเดียมเบนโซเอต ซึ่งเป็นวัตถุกันเสียที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำอัดลมมาหลายสิบปี
โซเดียมเบนโซเอตมาจากกรดเบนโซอิก ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในเบอร์รี่ แต่ถูกนำมาใช้ในปริมาณมากเพื่อป้องกันเชื้อราในน้ำอัดลม อาทิ สไปรท์, โอเอซิส และดร.เป๊ปเปอร์ นอกจากนั้น ยังใส่ในผักดองและซอสปรุงรส โซเดียมเบนโซเอตยังเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เนื่องจากเมื่อผสมกับวิตามินซีที่เติมลงในน้ำอัดลม จะทำให้เกิดเบนซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ในการสำรวจเบนซินในน้ำอัดลมเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานมาตรฐานด้านอาหารของอังกฤษ (เอฟเอสเอ) พบน้ำอัดลม 4 ยี่ห้อมีส่วนผสมเบนซินในสัดส่วนสูง จึงสั่งห้ามจำหน่ายน้ำอัดลมเหล่านั้น ล่าสุด ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ไปเปอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะชราภาพของมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ของอังกฤษ ที่ศึกษาเกี่ยวกับโซเดียมเบนโซเอตมาตั้งแต่ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในปี 1999 ตัดสินใจออกมาเตือนอันตรายที่ค้นพบใหม่ของสารนี้
จากการทดสอบผลของโซเดียมเบนโซเอตที่มีต่อเซลล์ของยีสต์ที่มีชีวิตในห้องทดลอง ไปเปอร์พบว่าเบนโซเอตทำลายเซลล์ไมโทคอนเดีย ซึ่งถือเป็น 'สถานีพลังงาน' ของดีเอ็นเอ ทั้งนี้ ไมโทคอนเดียทำหน้าที่บริโภคออกซิเจนเพื่อแปรเป็นพลังงานให้ร่างกาย ดังนั้น หากเซลล์นี้ถูกทำลายอาจเป็นสาเหตุของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น โรคพาร์คินสัน และโรคเซลล์ประสาทเสื่อมอย่างรุนแรง
เอฟเอสเอสนับสนุนการใช้โซเดียมเบนโซเอตในอังกฤษ สารชนิดนี้ยังได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสหภาพยุโรป กระนั้น ภายหลังรายงานของไปเปอร์เผยแพร่ออกมา นอร์แมน เบเกอร์ ประธานกลุ่มสิ่งแวดล้อมในรัฐสภา จากพรรคลิเบอร์รัล เดโมแครต เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน เนื่องจากวัตถุเจือปนอาหารมากมายเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ผลระยะยาว จึงควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติม อนึ่ง การทบทวนความปลอดภัยของโซเดียมเบนโซเอตโดยองค์การอนามัยโลก (ฮู) ในปี 2000 สรุปว่าสารชนิดนี้ปลอดภัย กระนั้น ฮูตั้งข้อสังเกตว่า มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความปลอดภัยของสารชนิดนี้เพียงจำกัด
ด้านไปเปอร์ยืนยันว่า การทดสอบของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ล้าสมัยแล้ว ไปเปอร์ยังแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองคิดให้รอบคอบก่อนซื้อน้ำอัดลมให้ลูก โดยเฉพาะประเด็นวัตถุกันเสีย ทั้งนี้ ทั้งโคคา-โคลา, เป๊ปซี่แม็กซ์, ไดเอ็ตเป๊ปซี่ ล้วนมีส่วนผสมของโซเดียมเบนโซเอต และผู้ผลิตเหล่านี้ต่างออกมายืนยันว่ามั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหารที่รัฐบาลให้การรับรอง
__________________________________________________
น่ากลัวจัง ดื่มได้นะครับ แต่ในปริมาณที่เหมาะสม