สวัสดีครับ พี่น้องโค้กไทยทุกท่าน
หยิบภาพชุด ตอนที่ไปเที่ยว ตลาดสามชุก จ.สุพรรณบุรี มาฝากครับ

ปีใหม่ปีที่แล้ว ผมไปเยี่ยมตลาดสามชุกมาครั้งหนึ่ง
กุมภาพันธ์ปีนี้มีโอกาส ไปเที่ยวตลาดสามชุกอีกครั้ง พบว่า ตลาดคึกคักกว่าเดิม
แถมมี ร้านอาหารและเครื่องดื่มเก๋ๆ ชื่อ "บ้านโค้ก" เพิ่มมาอีกหนึ่งร้านครับ

ก่อนจะพาท่านไปถึงตลาดสามชุก ขอพาท่านแวะ "ตลาดศรีประจันต์" เสียก่อน
เพราะเป็นทางผ่าน และจะถึงก่อนตลาดสามชุก (ถ้ารถวิ่งมาจากสุพรรณบุรี)
ที่ศรีประจันต์ มีวัดเก่าแก่ราว 400-500 ปี สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
หากพูดแค่นี้คงจะยังไม่ "อ๋อ"
แต่ถ้าพูดว่า พระเครื่องของวัดบ้านกร่างที่มีชื่อเสียง ได้แก่ "พระขุนแผน"

อย่างนี้พอจะคุ้นๆ ไหมครับ

กรุพระขุนแผนบ้านกร่าง มีตำนานว่า หลังจากพระนเรศวรชนะศึกยุทธหัตถีแล้ว
เมื่อตอนยกทัพกลับ ได้ทรงพักทัพที่ริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี ทรงรับสั่งให้ทหารสร้างพระเครื่อง จำนวน 84,000 องค์ บรรจุไว้ในกรุวัดบ้านกร่าง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ทหารที่เสียชีวิตในการรบ

พระขุนแผนวัดบ้านกร่าง จึงถือกำเนิด และมีการสร้างเรื่อยมา ในวาระสำคัญ

แวะไหว้พระที่ วัดบ้านกร่าง แล้ว ออกมาเดินที่รอบวัด ก็พบ "ตลาดเก่าบ้านกร่าง"
เดินคุยกับพี่ป้าน้าอาในชุมชนตลาดบ้านกร่าง เขาก็แนะนำให้นั่ง "เรือจ้าง" ข้ามฟากไปขึ้นท่าที่ ตลาดศรีประจันต์ ฝั่งตรงข้าม
ค่าเรือจ้างก็ไม่แพงครับ คนละ 6 บาท เท่านั้น ได้บรรยากาศดี

ผมมาเดิน ตลาดศรีประจันต์ สองสามครั้งแล้วครับ
ตลาดจะคึกคักสองช่วง คือ ในช่วงเช้ามืด และ ในช่วงบ่ายสามจนถึงตอนเย็นๆ

ตรงด้านที่ติดแม่น้ำ เป็นท่ารถเข้าตำบลต่างๆ
แต่มาปีนี้ มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นในตลาดแห่งนี้ครับ.....
"
สิ่งที่ว่าก็คือ "บ้านพิพิธภัณฑ์" ที่เป็นบ้านเกิดของ พระธรรมปิฎก (ปัจจุบันสมณศักดิ์ของท่านคือพระพรหมคุณาภรณ์)
หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ชาติภูมิสถาน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)

สมัยเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว หนังสือเผยแผ่ธรรมะ มีไว้ให้นักอ่านไม่มากเท่าไหร่
อีกทั้งสำนักพิมพ์ต่างๆก็ไม่ค่อยให้ความสนใจ.....
จนทำให้ บางทีพระท่านต้องทำการพิมพ์หนังสือเอง

สมัยนั้น ท่านพุทธทาส กับ หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ เป็นพระสองรูปที่-
โดดเด่นในการเผยแผ่พุทธศาสนาผ่านหนังสือ
นักอ่านสมัยนั้น หากชอบแบบคลาสสิค ก็ต้องหาหนังสือของท่านพุทธทาส
ส่วนหากชอบแบบ บ้านๆ เข้าใจง่าย ก็ต้องไปหาหนังสือของท่านพุทธทาส มาอ่าน

พระพยอม ท่านก็ออกสื่อทางเลือก นั่นคือ เทศน์ลงเทปคาสเซ็ต
แต่ปัญญาชนที่แสวงหาคำตอบของชีวิต ก็ยังมองหาสื่อทางเลือกอื่นๆอีกครับ ในการเข้าถึงพระธรรม

พอดี พระธรรมปิฎก ท่านก็ออกหนังสือมาในช่วงนั้นพอดี
ท่านผลิตงานออกมาแบบ ต่อเนื่อง และ เป็นหมวด เป็นหมู่
ทำให้เป็นที่ฮือฮา ของคนในยุคนั้น พอๆกับ หนังสือ"ธรรมมะอินเทรนด์"สมัยนี้

บ้านเกิดของท่าน เป็นร้านขายเสื้อผ้า และเป็นตัวแทนขายจักรเย็บผ้า
ชื่อร้าน "ใบรัตนาคาร" พอท่านเติบโตขึ้นมาในย่าน ตลาดศรีประจันต์
ก็บวชเป็นเณร ที่วัดบ้านกร่าง และเริ่มการศึกษาพระธรรม และเผยแผ่ธรรมมะตั้งแต่นั้นมา

มาชมบ้านเกิดของท่าน ที่ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ กันนะครับ

มีมุมให้นั่งอ่านหนังสือ ซึ่งประมวลผลงานของ พระธรรมปิฎก
ทั้งหนังสือและซีดีกว่า 300 เรื่อง

พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ เปิดเกือบทุกวัน หยุดวันจันทร์วันเดียว
ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ชมฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม

ชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว เรามาเดินชมตลาดกันครับ....
ตลาดศรีประจันต์ เป็นห้องแถวไม้
เจ้าของร้าน จะมีเก้าอี้ไว้นั่งเล่นหน้าร้าน
บรรยากาศสบายๆ ได้อารมณ์ เพราะ เสียงเพลงเก่าๆลอยมาแต่ไกล

เสียงเพลงเก่าหวานๆ มาจากเจ้าเครื่องนี้ครับ

ผมลองซื้อขนมในตลาดนี้มาชิม
ทองม้วนงาดำ ปิ้งไฟ....อร่อยมากครับ ทั้งกรอบ ทั้งมัน และไม่หวาน
ร้านอยู่ในตรอก ทางเดินเข้าข้างตลาด
ขนมกล้วย...ขนมครก....ก็อร่อยครับ

พาท่านแวะ ตลาดศรีประจันต์ แล้ว
คราวนี้ก็ขึ้นรถมาอีกราว สิบ กิโลเมตร ก็มาถึง ตลาดสามชุก แล้วครับ