แฟนต้า & มิรินด้า ระเบิดศึกรับลมร้อน

[o_TOD]

แฟนต้า & มิรินด้า ระเบิดศึกรับลมร้อน

ตลาดหน้าร้อนถือเป็นฤดูการขายที่สำคัญของน้ำดื่ม ปกติคู่กัดธุรกิจฟาดฟันกันหนักๆ คือ 2 ค่ายน้ำอัดลม "เป๊ปซี่" และ "โค้ก" แต่โค้กและเป๊ปซี่ ไม่ได้มีเพียงน้ำดำเท่านั้นที่เป็นสินค้าในเครือ หากแต่น้ำสี ที่มีมูลค่าตลาดรองลงมาด้วยแบรนด์ "มิรินด้า" และ "แฟนต้า" ก็ยังเป็นคู่กัดที่ฟัดกันไม่เลิกเช่นกัน


เทศกาลรับลมร้อนปี "แฟนต้า" และ "มิรินด้า" ยังคงปะทะแคมเปญการตลาดกันอยู่เหมือนเดิม โดย "แฟนต้า" เริ่มเปิดฉากแบบเงียบๆ ด้วยการกลยุทธ์ตลาดแบบเดิมๆ คือ การเพิ่มรสชาติใหม่ออกสู่ตลาด ด้วยการเปิดตัวรสชาติใหม่ "แฟนต้า เบอร์รี่เลิฟ" ที่เป็นการผสมกลิ่นผลไม้ประเภทเบอร์รี่ 3 ชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราสป์เบอร์รี่ จำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว้นท์เท่านั้น


นางชื่นหทัย วรรธนะดิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แฟนต้าตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมกลิ่นผลไม้ด้วยการออกรสชาติใหม่ ขณะที่แฟนต้าเป็นผู้นำตลาดน้ำสี ที่มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ในปีที่แล้ว และครองส่วนแบ่งตลาดถึง 76% จากตลาดน้ำสีรวม 2.4 หมื่นล้านบาท นอกจากการออกแฟนต้ารสชาติใหม่แล้ว โคคา-โคลาฯ ยังได้ทำแคมเปญและกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร ด้วยการทำหนังโฆษณา ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ รวมทั้งสื่อกลางแจ้ง พร้อมทั้งแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอายุ 12-19 ปี ซึ่งคาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10 ล้านคนหรือผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย 90% ได้ภายใน 1 เดือน


นอกจากทำแคมเปญโฆษณาแบบเต็มรูปแบบแล้ว โคคา-โคลาฯ ยังทำกิจกรรมการตลาด ซึ่งจริงๆ แล้วเริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงวันวาเลนไทน์ เช่น การจัดกิ๊ฟเซ็ทกระป๋องคู่รัก การจับมือกับคลื่นฮอตเวฟ ชิงแพ็คเกจเที่ยวเกาะเสม็ด และแคมเปญที่อิงกระแสวัยรุ่น ด้วยการจับมือกับ วัน ทู คอล ออกบัตรเติมเงินลายพิเศษ แฟนต้า เบอร์รี่ เลิฟมูลค่า 300 บาท และยังสามารถนำบัตรเติมเงินมาแลกซื้อแฟนต้ากระป๋องละ 9 บาทได้ด้วย


สำหรับความต่างของคู่กัด "แฟนต้า" และ "มิรินด้า" คือ "แฟนต้า" ในฐานะผู้นำตลาดน้ำสี จะเน้นที่การออกรสชาติใหม่ ผสมผสานกับการทำตลาดแบบครบวงจร ผ่านสื่อที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ต่างกับ "มิรินด้า" ของค่าย เป๊ปซี่ โคลา ซึ่งนอกจากทุกอย่างที่แฟนต้าทำแล้ว ฎมิรินด้าฎ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ และความพยายามในการผลักดันแบรนด์ของ "มิรินด้า" เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค


ดังนั้น "มิรินด้า" จึงมีการนำพรีเซ็นเตอร์ หรือ ทูตของแบรนด์ (Brand Ambasador) มาเป็นสื่อกลางเจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมาย เพราะทูตของแบรนด์ จะทำหน้าที่ในการสร้างความชัดเจนให้ทั้งกับตัวแบรนด์ ว่าเป็นแบรนด์สำหรับคนกลุ่มไหน นอกจากนี้ ความมีชื่อเสียงของทูตประจำแบรนด์ ยังจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเดิม ทูตประจำแบรนด์มิรินด้าที่ เป๊ปซี่ โคล่า เคยใช้ คือ "ติ๊ก-เจษฎาพร ผลดี" และ "หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์" ล่าสุด "มิรินด้า" เพิ่งเปิดตัวทูตของแบรนด์คนใหม่ เป็น "เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพัน" พร้อมๆ กับการเปิดตัว "มิรินด้า Cool Grape" มิรินด้ารสองุ่นซ่าสะใจ ซึ่งมิรินด้าใหม่ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมนี้


นายชาลี จิตจรุงพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เป๊ปซี่ โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การออกรสชาติใหม่ครั้งนี้ จะทำให้มิรินด้าเพิ่มยอดขายและช่วยให้ส่วนแบ่งตลาดของมิรินด้าเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.5% และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 20% โดยตลาดน้ำสีมีอัตราเติบโตประมาณปีละ 2-3% และคาดว่ามิรินด้าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าตลาด คือประมาณ 4-5% ในปีนี้


ผู้บริหาร เป๊ปซี่ โคล่า กล่าวก่อนหน้านี้ ปีที่ผ่านมา มิรินด้าประสบความสำเร็จจากการทำแคมเปญการตลาด การออกมิรินด้ารสมะนาว พร้อมกับเลือกศรราม เทพพิทักษ์ มาเป็นทูตมิรินด้า โดยปีที่แล้ว กิจกรรมที่มิรินด้าทำ มีทั้ง"Mirinda Batman Begins" และ "Mirinda Star Vote" สำหรับปีนี้ มิรินด้าเริ่มทำแคมเปญการตลาดตั้งเดือนกุมภาพันธ์เช่นเดียวกับแฟนต้า โดยการทำแคมเปญ "ดื่มมิรินด้า คว้ามินิดีวีดี...สะใจได้ทุกที่" ที่ให้ผู้บริโภคได้ชิงครื่องเล่นซัมซุง มินิดีวีดี มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งแคมเปญดังกล่าว เหมือนเป็นแคมเปญที่ช่วยตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มที่ทันสมัย และมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ที่อินเทรนด์รักเทคโนโลยี


การแข่งขันของ "คู่กัดธุรกิจ" ระหว่าง "แฟนต้า - มิรินด้า" ยังไม่สามารถยุติได้ง่ายๆ เพราะทั้งคู่เหมือนจะเป็น "คู่กัด Forever" เช่นเดียวกับ "เป๊ปซี่ - โค้ก" ส่วน "มิรินด้า" จะสามารถนำพาแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค ได้แน่นแฟ้นเหมือน "แฟนต้า" หรือเปล่านั้น เรื่องนี้ ไม่ต้องบอกก็น่าจะพอเดาได้ เพราะจากชื่อ ที่ผู้ดื่มน้ำอัดลม เรียกติดปาก คงพอจะตอบอะไรได้บ้างอบ่าง แต่การขยันสร้างแบรนด์ และขยันทำแคมเปญการตลาดของ "มือรอง" น่าจะทำให้อนาคน ส่วนแบ่งการตลาดของ "มิรินด้า" ขยับตามผู้นำตลาดอย่าง "แฟนต้า" ได้พอสมควร